เมื่อระหว่างวันที่ ๖ – ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees – UNHCR) ได้เดินทางเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกในฐานะข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนหน้านั้น ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้พบหารือกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ กระทรวงการต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีขอบคุณ UNHCR ที่ร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้หนีภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐานกลุ่มต่าง ๆ ในไทยตั้งแต่สมัยสงครามอินโดจีนจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนยินดีที่ UNHCR แต่งตั้งนางสาวไปรยา ลุนเบิร์ก เป็นทูตสันถวไมตรี และได้ทำงานร่วมกับบุคคลที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในไทยด้วย ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นสถานการณ์และความร่วมมือด้านผู้ลี้ภัยและการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีย้ำความพร้อมของไทยในการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับตามความสมัครใจ ซึ่ง UNHCR ยินดีที่จะสนับสนุนรัฐบาลไทยและเมียนมาในการส่งกลับผู้หนีภัยฯ ต่อไป
หลังเสร็จสิ้นการหารือกับนายกรัฐมนตรี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้พบหารือกับพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลเอก ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยหารือถึงแนวทางการดำเนินงานและเสริมสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติงานอย่างสร้างสรรค์ต่อไป
สำหรับการหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายไทยได้ขอบคุณ UNHCR ที่ทำงานร่วมกับไทย และได้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศตามความสมัครใจ และการให้การดูแลผู้โยกย้ายถิ่นฐานและผู้เข้าเมืองกลุ่มต่าง ๆ ในไทยตามหลักมนุษยธรรม ทั้งในด้านบริการสาธารณสุขและการศึกษา ซึ่ง UNHCR ได้ชื่นชมการดำเนินการของไทยในการลดปัญหาความไร้รัฐผ่านกระบวนการให้สัญชาติที่ดีขึ้นของไทย
อนึ่ง ตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเป็นตำแหน่งสูงสุดของ UNHCR ที่ผ่านมา ไทยมีความร่วมมือกับ UNHCR กว่า ๔๐ ปี ในการดูแลผู้หนีภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงกลุ่มต่าง ๆ ตามหลักมนุษยธรรม ตลอดจนการเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม และการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา บนพื้นฐานของหลักความปลอดภัย สมัครใจ และมีศักดิ์ศรี ซึ่งผู้หนีภัยฯ กลุ่มนำร่อง ได้เดินทางกลับไปแล้ว ๗๑ คน เมื่อวันที่ ๒๕ – ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙