วันที่นำเข้าข้อมูล 19 ธ.ค. 2558
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565
ตามคำเชิญของ ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ รวมทั้งนำคณะผู้แทนกัมพูชาเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย – กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘
การเยือนและการประชุมร่วมฯ ตรงกับโอกาสครบรอบ ๖๕ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรทั้งสอง และเกิดขึ้นก่อนการมีผลใช้บังคับของประชาคมอาเซียนสิ้นปีนี้
ภายใต้หัวข้อหลัก “หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความมั่งคั่ง” การเยือนและการประชุมร่วมฯ เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและยาวนานระหว่างไทยและกัมพูชา บนพื้นฐานของการเกื้อกูลซึ่งกันและกันความไว้เนื้อ เชื่อใจระหว่างกัน รวมทั้งสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นตามลำดับ การเยือนอย่างเป็นทางการมีขึ้นในวันศุกร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรี ตลอดจนรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมการหารือทวิภาคีซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในหลายสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งครอบคลุมประเด็น ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม
ในช่วงบ่ายของวันที่ ๑๘ ธันวาคม สมเด็จฯ เดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวสุนทรพจน์ ต่อนักธุรกิจชั้นนำของไทยเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนในกัมพูชา
การเยือนอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นลงด้วยการเลี้ยงรับรองอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นเจ้าภาพ ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยงานเลี้ยงรับรองดังกล่าวเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๖๕ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรกัมพูชาอีกด้วย
ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมกันเป็นประธานการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ ๒ โดยรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกับมาตรการเพื่อทำให้ประเด็นความร่วมมือที่หารือกันไว้เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม และในการประชุมร่วมฯ เกิดผลสำเร็จ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคง ความเชื่อมโยง การค้าและการลงทุน และการพัฒนาชายแดน ในด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านความมั่นคง สองฝ่ายเห็นชอบที่จะเร่งรัดให้เริ่มมีการลาดตระเวนแบบมีการประสานงานตามบริเวณแนวชายแดนของทั้งสองประเทศเพื่อปราบปรามการลักลอบตัดไม้และส่งเสริมความร่วมมือในด้านการปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ
- ด้านความเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะพัฒนาการขนส่งทางถนน การเดินเรือชายฝั่งและการบริการขนส่งทางรถไฟ การบริการเดินรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ และกรุงพนมเปญให้เริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปี ๒๕๕๙ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบที่จะเร่งรัดการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติมอีกสองแห่งในจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบันเตียเมียนเจย กล่าวคือที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบทและที่บ้านป่าไร่-โอเนียง เพื่ออำนวย ความสะดวกการขนส่งสินค้าและส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของทั้งสองฝ่ายบริเวณชายแดนระหว่าง เขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย กับจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชาและระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดตราด ประเทศไทยและจังหวัด เกาะกง ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ โดยผ่านสาธารณูปโภคเชื่อมโยงขั้นพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร การเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของประชาชนและแรงงานในพื้นที่ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง และการใช้ประโยชน์ร่วมจากบริการน้ำประปา ไฟฟ้าและโทรศัพท์ ซึ่งจุดผ่านแดนถาวรและเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้จะทำให้พื้นที่ชายแดนเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและฐานการผลิตที่สำคัญ รวมทั้งเชื่อมเมืองทวาย (ประเทศเมียนมา) กรุงเทพฯ (ประเทศไทย) กรุงพนมเปญ (ประเทศกัมพูชา) และนครโฮจิมินห์ (ประเทศเวียดนาม) ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง
- ด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศเห็นชอบที่จะเพิ่มปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกันเป็น ๓ เท่าของปริมาณการค้าในปัจจุบันภายในปี ๒๕๖๓ ทั้งสองฝ่ายจะใช้การตรวจปล่อยสินค้าแบบ Single Window Inspection และพื้นที่ควบคุมร่วมกัน ณ จุดผ่านแดนถาวรหลักของทั้งสองประเทศและจะเจรจาความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างกันให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการค้าชายแดน
- ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะจัดการประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการเกษตร เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรในโอกาสแรกต่อไป โดยฝ่ายไทยจะสนับสนุนด้านวิชาการในลักษณะ project-based เป็นระยะเวลาสามปีข้างหน้า
- ด้านการสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มพูนความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามบริเวณชายแดน ซึ่งจะรวมถึงการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยข้ามชายแดนให้มีความเรียบง่าย และการจัดตั้ง “โรงพยาบาลพี่-น้อง” ตามแนวชายแดน โดยฝ่ายไทยจะสนับสนุนด้านวิชาการเพื่อช่วยพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุขของกัมพูชา
- ด้านแรงงาน ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงาน และสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจและข้อตกลงเหล่านี้อย่างครบถ้วนโดยเร็วที่สุด ฝ่ายไทยจะสานต่อการสนับสนุน ด้านวิชาการเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานตาม แนวชายแดนและจัดการฝึกอบรมที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานปูนพนม กรุงพนมเปญ ความร่วมมือนี้จะส่งเสริมความร่วมมือและการคุ้มครองด้านแรงงาน ตลอดจน ความพยายามในการขจัด การค้ามนุษย์และการเข้าเมือง ผิดกฏหมาย
- ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว “สองราชอาณาจักร หนึ่งจุดหมายปลายทาง” (Two Kingdoms, One Destination) ต่อไป เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศทั้งสอง อาทิ สถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นมรดกโลกและอุทยานประวัติศาสตร์ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกันทางทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างไทย กัมพูชาและเวียดนาม
- ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้สมาคมมิตรภาพของทั้งสองประเทศเพิ่มพูนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันให้มากขึ้นเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและความมั่งคั่งของประชาชนของทั้งสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารจำนวนห้าฉบับ ได้แก่
๑) แถลงการณ์ร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ซึ่งกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือในอนาคต
๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรหนองเอี่ยน (ประเทศไทย) และ สตึงบท (ประเทศกัมพูชา)
๓) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน
๔) ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงาน
๕) ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา และสภาธุรกิจกัมพูชา-ไทย
การเยือนอย่างเป็นทางการและการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย- กัมพูชา ครั้งที่ ๒ เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ผู้นำของประเทศทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างตรงไปตรงมาและฉันท์มิตร เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศ ทั้งสองและประชาชนของทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างไทยและกัมพูชาจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาของประชาคมอาเซียนซึ่งจะจัดตั้งขึ้นในสิ้นปี ๒๕๕๘
คณะผู้แทนกัมพูชาแสดงความขอบคุณอย่างลึกซึ้งต่อรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและความเอื้อเฟื้อที่มีให้ต่อคณะผู้แทนกัมพูชาระหว่างการพำนักในกรุงเทพฯ และสำหรับการจัด การต้อนรับอย่างดีเยี่ยมสำหรับคณะผู้แทนกัมพูชาระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จ อัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ
ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการครั้งต่อไป ที่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามวันที่ทั้งสองฝ่ายสะดวก โดยจะดำเนินการแจ้งวันและสถานที่ผ่านช่องทางการทูตต่อไป
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **