๑. เยาวชนไทยสร้างชื่อในการเข้าร่วมการแข่งขันโต้วาทีเยาวชนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอาเซียน
เมื่อวันที่ ๕ – ๖ กันยายน ๒๕๕๘ สิงคโปร์ได้เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมการแข่งขันโต้วาทีเยาวชนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอาเซียน(ASEAN Intergovernmental Commission on Human RightsYouth Debates on Human Rights)โดยกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุยชน (AICHR) และผู้แทนคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้คัดเลือกและสนับสนุนผู้แทนเยาวชนระดับอุดมศึกษาของไทยเข้าร่วม ผลการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่า นายดลเดช ชึตต์ ผู้แทนเยาวชนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนางสาวรวิพร แรงผลสัมฤทธิ์ ผู้แทนเยาวชนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัล Best Speakers ในการแข่งขันดังกล่าว
การแข่งขันโต้วาทีเยาวชนครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมตามแผนงานประจำปีของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนประจำปี ๒๕๕๘ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในกรอบอาเซียน โดยมีผู้แทนเยาวชนจากประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศละ ๓ คน เข้าร่วม
การแข่งขันภายใต้ญัตติที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในบริบทของอาเซียน ได้แก่ สิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงธรรมาภิบาล เยาวชนกับความสนใจด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียน ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โทษประหารชีวิตในฐานะที่เป็นเครื่องมือป้องปราม และการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน อนึ่ง การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๒ โดยการแข่งขันโต้วาทีเยาวชนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนครั้งแรกจัดขึ้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ในปี ๒๕๕๖ ทั้งนี้ มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งต่อไปในปี ๒๕๕๙ และไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี ๒๕๖๐
๒. เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงและพบกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนจีน
เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๓.๓๐ น. นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงรับรอง (reception) ร่วมกับ สนง. ททท. ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต โดยเชิญผู้แทนจากบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนจีนด้านการท่องเที่ยว ประมาณ ๖๐ รายเข้าร่วมงานพร้อมกับฝ่ายไทย ได้แก่ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. อัครราชทูตที่ปรึกษา สำนักงาน BOI ที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขอบคุณและสร้างความเชื่อมั่นกับบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนด้านการท่องเที่ยวของจีน
เอกอัครราชทูต ฯ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และได้กล่าวขอบคุณบริษัทนำเที่ยว และสื่อที่เป็นมิตรที่ดีต่อประเทศไทยมาโดยตลอด โดยธุรกิจด้านท่องเที่ยว นอกเหนือจากสร้างรายได้เข้าประเทศไทยแล้ว ที่สำคัญกว่านั้น ยังเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงประชาชน และเป็นรากฐานความสัมพันธ์ และสันติภาพระหว่างกัน ทั้งนี้ เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ เป็นเรื่องเศร้าสลด และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และต้องเข้าใจว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดเฉพาะในไทย แต่เกิดทั่วโลก ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมประณามและระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก หลังเหตุการณ์นี้ ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันที่จะ (๑) ไม่ตื่นตระหนก และใช้ชีวิตอย่างปกติ (๒) ร่วมมือป้องกันเหตุ ทั้งนี้ รัฐบาลได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มข้น และ (๓) ดูแลรักษาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างดีที่สุด ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ มีพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยถึงประธานาธิบดีจีน และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่ผู้ได้รับผลกระทบ และนายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีสารแสดงความเสียใจด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือประสานงานเพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมด้วยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม และสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ รวมถึง สำนักพระราชวัง และการบินไทยที่อำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง
หลังจากนั้นผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ประจำกรุงปักกิ่ง (นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร) กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูต ฯ ที่เป็นเจ้าภาพ และย้ำว่าประเทศไทยให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทนำเที่ยวและสื่อด้านการท่องเที่ยว ภายหลังเหตุระเบิด หน่วยงานต่าง ๆ ของไทยได้ร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงท่องเที่ยว ฯ ได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่โรงพยาบาลต่าง ๆ พร้อมให้ความคุ้มครอง กรณีผู้เสียชีวิต ๓๐๐,๐๐๐ บาท และกรณีค่ารักษาพยาบาลตามจ่ายจริงไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มาจากกระทรวงการท่องเที่ยว) และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ส่วน ททท. ได้ร่วมมือใกล้ชิดกับ CNTA (China National Tourism Administration) ในการช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวจีน ขณะนี้ สถานการณ์ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ กลับมาเป็นปกติ จึงขอให้เชื่อมั่นและช่วยประชาสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวจีน สำหรับกิจกรรมและกำหนดการด้านท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะดำเนินการอย่างปกติ
ระหว่างงาน สถานเอกอัครราชทูตได้ฉายวีดิทัศน์ของ ททท. ได้แก่ (๑) วีดิทัศน์ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย และ (๒) วีดิทัศน์ เพื่อย้ำถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ภายหลังเหตุการณ์ที่กลับสู่สภาวะปกติแล้ว ภายใต้สโลแกน “Bangkok Strong” ภายหลังพิธีการ เอกอัครราชทูตฯ ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ และทีมประเทศ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้เข้าร่วมงานในบรรยากาศที่เป็นกันเอง
๓. เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต
เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๑.๐๐ น. นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต แก่ พ.อ. วุฒินันท์ ลีลายุทธ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ ซึ่งเดินทางเยือนจีนเพื่อร่วมชมพิธีสวนสนามเพื่อฉลองการครบรอบ ๗๐ ปีแห่งการชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘ โดยมี พ.อ. นพปฎล กุลจรรยาวิวัฒน์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร/ทหารบก พ.อ. เอื้อชาติ หนุนภักดี รองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร/ทหารบก น.อ. ไพศาล ชะโนภาษ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ น.อ. สุระ ไชโย ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ฯ เข้าร่วมด้วย
ก่อนรับประทานอาหาร เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวต้อนรับ และกล่าวถึงภาพรวมของความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งพัฒนาเชิงบวกในทุกมิติ เห็นได้จากการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างมิตรภาพและนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่าง ๆ ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน เอกอัครราชทูตฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคณะอย่างกว้างขวาง ซึ่งการเยือนของคณะครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น
โดยในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘ กองเกียรติยศ ๓ เหล่าทัพจีนจะสวนสนามเพื่อฉลองการครบรอบ ๗๐ ปีแห่งการชัยชนะสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน การสวนสนามครั้งนี้จะแสดงระบบยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพทางทหารและความสำเร็จด้านการสร้างระบบยุทโธปกรณ์ของจีนที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยขบวนสวนสนามประกอบไปด้วยกำลังพล ๑๒,๐๐๐ นาย รถถังและขีปนาวุธจำนวนมาก รวมทั้งเครื่องบินที่บินผาดแผลงเหนือน่านฟ้ากว่า ๒๐๐ ลำ