รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2558 เวลา 20.15 น.

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2558 เวลา 20.15 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 เม.ย. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 3,065 view

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” (ช่วงที่สอง) ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2558 เวลา 20.15 น.

ช่วงที่ 2

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน รัฐบาลโดยฝ่ายต่างประเทศและกิจการอื่น ๆ โดยมีผม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แล้วก็มีรัฐมนตรีช่วยฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอีกตำแหน่งหนึ่งท่านเป็นประธานอนุกรรมการด้านกฎหมายและประชาสัมพันธ์ในเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย สำหรับด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ท่าน กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับด้านวัฒนธรรมมีท่านรัฐมนตรีวีระ โรจน์พจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สำหรับในงานของกระทรวงการต่างประเทศแนวทางในการดำเนินงานของกระทรวงเรายึดนโยบายรัฐบาลโดยถือหลักว่า การดำเนินการของเราจะต้องเป็นไปอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีของประเทศไทยและประชาชนไทย เหตุผลของความสำเร็จเรามาจาก 3 เหตุผล เหตุผลแรก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายที่ชัดเจนและท่านให้การสนับสนุนรวมทั้งตัวท่านเองก็ไปช่วยเราในการพบปะหารือแล้วก็ร่วมแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ในเวทีนานาชาติ ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วสำหรับผมถือว่าท่านมีความโดดเด่น

สำหรับเรื่องที่สอง ความเป็นหนึ่งเดียวของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งภาคส่วนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเราทำงานเป็นทีมเดียวกันถือว่าทำงานให้ประเทศไทย

อันที่สาม คือ ความมุ่งมั่น ความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศทำงานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไม่คำนึงถึงวันหยุดหรือเวลา เพราะฉะนั้นทุกคนทำงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับที่สำคัญในความคิดผมแล้วก็งานของกระทรวงการต่างประเทศสำเร็จ อันนี้ได้มาจากพี่น้องประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านร่วมปฏิบัติจนทำให้เราสามารถทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ

สำหรับงานในหน้าที่ของกระทรวงว่าการต่างประเทศจริง ๆ เราเกี่ยวพันกับทุกกระทรวง เราเป็นด่านหน้าหรือต้องไปพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนแล้วก็สร้างความเข้าใจ ในจุดนี้ถ้าจะเรียนเพื่อกรุณาทราบจริง ๆ นั้น อาจจะใช้เวลามาก ผมจะขอสรุปสั้น ๆ ในประเด็นที่ทุกท่านน่าจะสนใจใน ณ ขณะนี้ ประเด็นแรกคือเรื่องการดำเนินการด้านทางการทูตเพื่อประชาชน การช่วยเหลือประชาชนในต่างแดนถือว่าเป็นความเร่งด่วนอันดับหนึ่ง ไม่ว่าคนไทยจะตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่ไหน เราถือว่าทุกท่านเป็นคนไทยเราต้องช่วยเหลือให้ดีที่สุด ฉะนั้นเพื่อให้งานเราสะดวกถ้าใครมีเบาะแส มีอะไรให้แจ้งมาที่เรา เรายินดีที่จะทำ ในที่ผ่านมาก็ยกตัวอย่าง เช่น ลูกเรือประมงถูกจับที่โซมาเลีย โดนจับไปแล้วก็เกือบ 5 ปี 5 คนสุดท้ายที่มีอยู่เราก็นำกลับมาได้เรียบร้อยอย่างปลอดภัย แล้วก็รัฐบาลนี้ยังตามช่วยเหลือไปดูอาชีพจนกว่าเขาจะช่วยเหลือตัวเองได้

ลูกเรือที่เกาะอัมบน เกาะเบจินา ขณะนี้ปัจจุบันเรานำกลับมาได้แล้ว 200 กว่าคนแล้วก็ข่าวดีที่มีความคืบหน้าอื่น ๆ คือว่า เรามีความร่วมมือที่ดีกับอินโดนีเซีย เพราะฉะนั้นคนที่เหลือเราก็จะดำเนินการนำกลับมารวมทั้งเรือที่ยังอยู่ที่นั้นด้วย แต่ตรงนั้นเราก็จะขออนุญาตดำเนินการในลักษณะที่ไม่ประชาสัมพันธ์

สำหรับเรื่องการอพยพคนไทยในพื้นที่สู้รบในลิเบีย ในเยเมน เราดำเนินการได้อย่างดีอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว แล้วก็เรียนว่าเราร่วมมือกับเพื่อนเราในอาเซียน ของใครอยู่ตรงไหนก็ช่วยกันนำกลับมาแล้วก็มีการติดต่อกันถือว่าเป็นปึกแผ่นเราก็นำกลับมาได้ทุกท่าน เว้นท่านที่ยังสมัครใจไม่ยอมกลับ เราก็พยายามชังจูงให้กลับในขณะนี้ก็ได้มีการติดต่อและพร้อมที่จะอพยพถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้

สำหรับเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในขั้นต้นเราได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาไปจำนวน 6 ล้านบาทในนามของรัฐบาลแล้วก็เราได้ส่งชุดกู้ภัย ชุดแพทย์สนาม สิ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นผ้า เต๊นท์ อาหาร ยารักษาโรคและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สถานทูตที่กาฐมาณฑุได้เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ต้นโดยมีศูนย์ควบคุมบัญชาการอยู่ที่กรุงเทพมหานครการดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปด้วยดีรวมทั้งเครื่องบินที่ไปส่งเจ้าหน้าที่ เราก็นำคนไทยกลับมาด้วย รวมทั้งการบินไทยก็ได้ไปลงรับคนไทยมาด้วย ตอนนี้เรารับคนไทยมาทั้งสิ้น 161 คนแล้ว ส่วนที่เหลือยังอยู่สถานทูตก็ดูแลแล้วมาพักพิงที่ในสถานทูต ส่วนใหญ่ที่ยังไม่กลับก็เนื่องจากเป็นผู้คนที่พักอาศัยอยู่ที่นั้น แต่ว่าเราก็จะพยายามสืบหาอย่างต่อเนื่องแล้วก็กำลังจะส่งความช่วยเหลือไป ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการซับซ้อนซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

สำหรับการประชุมที่สำคัญ เช่น เอเชียน – แอฟริกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการประชุมครบรอบ 60 ปีถือว่ามีความสำคัญ ประเทศไทยเราไปร่วมประชุมตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งตรงนี้มีผู้เกี่ยวข้องถึง 115 ประเทศ รวมทั้งการประชุมอาเซียนซัมมิท (Asean Summit) ที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตรงนี้ต้องชื่นชมนายกรัฐมนตรีว่าท่านแสดงบทบาทได้โดนเด่นแล้วก็เป็นที่ยอมรับ หลายอย่างที่ท่านได้ให้ปาฐกถา ให้แนวคิดในการบรรยายนำไปใช้ เช่น การให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง การดูแลเกษตรกร ไม่ให้มีความเหลื่อมล้ำ ขจัดความยากจน ซึ่งเป็นแนวเป็นนโยบายที่ประเทศไทย รัฐบาลไทยทำอยู่

สำหรับเรื่องที่เป็นที่น่ายินดี ก็คือ มิตรประเทศและผู้นำทั้งในระดับผู้นำ ในระดับรัฐมนตรีมาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อจากนี้ไปก็จะมีเป็นสเต็ป ฉะนั้นตรงนี้ก็ถือว่าเป็นทางอ้อม คือเห็นว่าเรามั่นคงผู้นำทุกคนท่านมา สิ่งหนึ่งที่เรายืนยันในเวทีโลกได้อีกอันนั่นก็คือการประชุมเรื่องการลดภัยพิบัติ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยกับผู้แทนของฟินแลนด์ที่เจนิวา เราเป็นประธานร่วมเพื่อเตรียมการประชุมมาปีกว่าแล้วแล้วก็ไปจัดการประชุมที่ประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือเลือกเราเป็นประธานแล้วก็ได้รับคำชมเชยมาก็มีนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีผมและผู้เกี่ยวข้องไปร่วมแล้ว เพื่อให้การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศและทีมประเทศไทยเป็นไปหนึ่งเดียวร้องเพลงเดียวกัน

ปัจจุบัน ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และเชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกพร้อมกงสุลใหญ่มาร่วมประชุมพร้อมหน่วยเกี่ยวข้องจำนวน 150 ท่าน ซึ่งความรับผิดชอบที่เรามีความสัมพันธ์กับต่างประเทศ คือ 179 ประเทศ ตอนนี้เป็นประโยชน์แล้วก็นายกรัฐมนตรีกรุณามาเปิดการประชุมมอบนโยบาย มีการแลกเปลี่ยนนั้นในขณะเดียวกันมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกท่านมาบรรยายแล้วก็นำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเราจะเป็น Team Thailand ที่ไปมุ่งสู่ต่างประเทศรวมทั้งในอนาคตซึ่งขณะนี้เริ่มทำแล้วว่า กระทรวงการต่างประเทศโดยสถานเอกอัครราชทูตเราก็ One Stop Service ในต่างประเทศนั้น

สิ่งเหล่านี้เราก็จะทำไปในทางเดียวกัน ขอกราบเรียนว่าหรือรวมทั้งยืนยันด้วยว่ากระทรวงการต่างประเทศและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยเฉพาะคนในกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และคนที่อยู่ภายใต้การกำกับของผมในฐานะรองนายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานทุ่มเทเพื่อประโยชน์ เพื่อสิ่งที่ดีแล้วก็ชื่อเสียงของประเทศชาติของเรา ต่อไปขออนุญาตไปเรื่องค้ามนุษย์แล้วก็ประมงผิดกฎหมายท่านรัฐมนตรีช่วย ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านพึ่งกลับจากสหรัฐอเมริกาเดินทางไปพบปะคนหลายคนแลกเปลี่ยนหารือ สร้างความเข้าใจ สร้างความมั่นใจเพื่อให้ทุกท่านได้กรุณาทราบก็ขออนุญาตให้ท่านได้เล่าให้ฟัง

นายดอน ปรมัตถ์วินัย (รมช.กต) : สวัสดีครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้รับมอบหมายจากท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปปฏิบัติภารกิจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหนึ่งในภารกิจที่สำคัญก็คือ การชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในบ้านเราซึ่งโอกาสนั้นกลุ่มต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นทางภาคกระทรวงการต่างประเทศ ภาคสำนักงาน Tip (Trafficking in Persons Report หรือ TIP Report) หรือทางด้านสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สหรัฐรวมไปถึงภาคประชาสังคม สื่อมวลชน นักวิชาการและนักธุรกิจล้วนแล้วแต่ได้รับการชี้แจงในเรื่องที่เป็นพัฒนาการที่สำคัญในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ปีที่ผ่านมาว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญเป็นที่ยิ่งเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้ มีการปรับโครงสร้างโดยนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจอย่างยิ่งยวดกับการแก้ไขปัญหานี้

โดยถือว่าเป็นปัญหาการค้าทาสสมัยใหม่ที่ควรจะได้รับการกำจัดออกไปจากสังคมไทย จึงได้ทำหน้าที่เป็นประธานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ โดยตัวท่านเองและมีรองนายกรัฐมนตรีอีก 5  ท่าน ทำหน้าที่สนับสนุนในคณะกรรมการดังกล่าว อีกทั้งมีอีก 5 คณะกรรมการหรือ 5 อนุกรรมการที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่เป็นประธานงานดังกล่าวนั้นได้รับความเอาใจใส่เป็นที่ยิ่ง จนกระทั่งถึงขั้นออกกฎหมายใหม่และแก้ไขกฎหมายบางฉบับเพื่อให้มีการดูแลเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างจริงจังกว่าทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา เช่น การออกกฎหมายประมง การแก้กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับการประมงและการเกษตร การแก้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งทำให้เกิดมาตรการใหม่ ๆ หลายมาตรการที่มีความหมายที่สะท้อนไปถึงความจริงจังของการปฏิบัติงานของภาคราชการโดยเฉพาะของรัฐบาลนี้ เป็นต้นว่ากำหนดโทษที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การควบคุมดูแลเข้าออกของเรือประมง การดูแลเรื่องสวัสดิการของชาวประมง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการเอาใจใส่กับคดี การดำเนินคดี การจับกุมก็ตาม การป้องกันหรือการปกป้องคุ้มครองเหยื่อล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เมื่อได้รับการชี้แจงให้กับทางฝ่ายสหรัฐอเมริกาในทุกกลุ่มที่สนใจในเรื่องดังกล่าวก็ปรากฏว่าได้รับการตอบรับพอสมควร ในที่นี้หมายความว่าเขาไม่ติดใจกับเรื่องความพยายาม ความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหานี้ สิ่งที่ยังอยู่ในข้อห่วงกังวลของหลาย ๆ ฝ่ายโดยเฉพาะทางฝ่ายประชาสังคมก็คือการดำเนินคดีกับคดีใหญ่ ๆ ที่มีความสำคัญเท่าที่ผ่านมายังมองเห็นว่าหรือว่ายังประเมินโดยทางฝ่ายสหรัฐว่าคดียังน้อยไปในแง่ของจำนวน

ขณะเดียวกันปลาใหญ่ ๆ คือ ผู้บงการหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นรายสำคัญยังไม่ได้รับการจับกุมหรือดำเนินคดีได้เพียงพอ นั่นก็เป็นส่วนที่ได้ฝากไว้ขอให้ประเทศไทยไปดำเนินการเรื่องนี้ให้ยิ่งยวดขึ้น ให้มีผลที่สามารถจะบอกเราให้ทราบถึงความตั้งใจจริงและการปฏิบัติที่บังเกิดผลได้อย่างจริงจัง เราได้เสริมให้ทางฝ่ายสหรัฐได้เข้าใจด้วยว่าเป็นความตั้งใจอย่างยิ่งที่คนไทยต้องการกำลังใจจากฝ่ายสหรัฐในการแก้ไขปัญหานี้ เช่นกันและขอให้พิจารณาเรื่องความตั้งใจจริงเหล่านี้ในกรอบของความเป็นมิตรที่มีมายาวนานและประเทศไทยไม่สมควรจะได้อยู่ใน Tier 3 นั้นก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ได้ส่งเป็นสัญญาณให้กับสหรัฐฯ ให้คำนึงถึงมิตรภาพของประเทศไทยซึ่งมีมายาวนานกับสหรัฐอเมริกา

สำหรับประชาชนชาวไทย หากจะร่วมมือกันได้ก็มี Hotline 1300 ที่สามารถติดต่อโทรได้ตลอดเวลาที่จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศ ขอขอบคุณครับ

รองนายกรัฐมนตรี : สำหรับด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ก็คือว่าเรามีบทบาท มีแคมเปญ มีอะไรใหม่ ๆ ที่ทำให้ทุกคนเข้าใจ และถือว่าเราก็เป็นจุดท่องเที่ยวที่ทุกคนอยากมา การท่องเที่ยวไม่ได้ลดลง เงินเพิ่มขึ้น รายละเอียดต่าง ๆ จะขออนุญาตให้ท่านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) ชี้แจงด้วยตัวเอง

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร (รมว.กก.) : ด้านการท่องเที่ยว “ปีท่องเที่ยววิถีไทย” จากการเปิดตัวปีท่องเที่ยววิถีไทยไปตั้งแต่เมื่อต้นมี 2558 นี้ เพื่อชักจูงให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และมีระยะเวลาการพำนักในประเทศไทยที่นานขึ้น จนถึงทุกวันนี้จะเห็นความสำเร็จได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะเป็นเทศกาล “Thailand music festival” ณ หาดชะอำ จ.เพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 22 – 23 พฤษภาคม 2558 โดยจะมีศิลปินเอกทางดนตรีที่มีชื่อเสียง ทั้งไทยและต่างประเทศหลากหลายแนว มาสร้างสีสันให้ชายหาดของไทยมีทั้งความสนุกสนานยิ่งขึ้น

โครงการประชาสัมพันธ์เตือนภัยนักท่องเที่ยว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เนปาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเรา ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการเตือนภัยและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้จัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลและเตือนภัยด้านการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2555 และในปีนี้เราจะได้ตระเวนจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ เพื่อแจ้งช่องทางในการช่วยเหลือขณะที่พักผ่อนอยู่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่ 7 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ที่ได้รับความนิยมและสามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง ตามกำหนดการตามตารางที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ

สำหรับศูนย์แก้ไขปัญหาการหลอกลวงและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ในปัจจุบันนี้เรามีอยู่จำนวน 12 แห่ง ทั่วประเทศ คือ กรุงเทพฯ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.ภูเก็ต จ.สงขลา จ.อุบลราชธานี จ.เชียงราย จ.กาญจนบุรี จ.สุโขทัย และ จ.กระบี่ โดยจะมี Call Center 02 1344 077 และในปีนี้ มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนศูนย์ในแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่นที่ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา ตราดที่เกาะช้าง และแม่ฮ่องสอน

การดำเนินโครงการนี้เป็นการตอกย้ำและสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยแก่นักท่องเที่ยว ทั้งด้านการป้องกันการเกิดเหตุ แก้ไข และการให้การช่วยเหลือ หากนักท่องเที่ยวประสบภัยจากการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีความได้เปรียบในสถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของความปลอดภัย หากทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ย่อมมั่นใจได้ว่าจะสามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย และนำไปสู่เป้าหมาย รายได้การท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาท ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน

ส่วนด้านการกีฬา การส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และความคาดหวังของนักกีฬาไทยในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 5 – 16 มิถุนายนนี้ ขณะนี้นักกีฬามีความพร้อมเกือบ 100% แล้ว ทุกสมาคมกีฬาที่มีการแข่งขันได้เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาตามแผนงานที่ส่งมายังคณะกรรมการเตรียมการนักกีฬา ซึ่งได้มีการติดตามการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด สภาพความฟิตของนักกีฬาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เชื่อว่าเมื่อถึงช่วงการแข่งขันจริงทุกคนจะสมบูรณ์เต็มร้อย นอกจากนี้ การที่ได้รับเงินอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีวงเงิน 308 ล้านบาท น่าจะส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของทัพนักกีฬาไทยโดยภาพรวม ซึ่งเวลานี้กำลังเริ่มให้ทุกสมาคมกีฬามาเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนดังกล่าว เป้าหมายที่ทุกสมาคมกำหนดร่วมกันไว้ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 28 นี้ ได้แก่ 120 เหรียญทอง โดยเฉพาะการรักษาแชมป์ประเภทกีฬาสากลที่ไทยเคยครองแชมป์มาก่อนและสามารถสร้างความสุขให้กับคนทั้งชาติคือ ฟุตบอล วอลเลย์บอล และแบดมินตัน เชื่อมั่นว่านักกีฬาไทยจะป้องกันเจ้าเหรียญทองได้อีกสมัยแน่นอน เราจะคว้าได้อย่างต่ำ 100 – 110 เหรียญทอง ส่วนคู่แข่งเจ้าเหรียญทองในครั้งนี้ ได้แก่ เวียดนาม และอินโดนีเซีย

สำหรับผลงานของนักกีฬาไทยในกีฬาซีเกมส์ 2 ครั้งที่ผ่านมา กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย อันดับ 1 ได้แก่ อินโดนีเซีย 182 เหรียญทอง 151 เหรียญเงิน 143 เหรียญทองแดง อันดับ 2 ได้แก่ประเทศไทย 109 เหรียญทอง 100 เหรียญเงิน และ 120 เหรียญทองแดง และกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนมาร์ ประเทศไทยได้เป็นอันดับ 1 107 เหรียญทอง 94 เหรียญเงิน และ 81 เหรียญทองแดง อีกกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญคือการจัดทำเส้นทางจักรยาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสนับสนุนการนำยางพารามาเป็นวัสดุจัดทำเส้นทางจักรยาน โดยกำหนดเป็น 3 รูปแบบพื้นที่คือ ในพื้นที่เขตเมืองหรือชุมชนส่งเสริมการใช้จักรยานเป็นวิถีชีวิตของเด็ก เยาวชน และประชาชน จำนวน 30 แห่ง ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวส่งเสริมการใช้จักรยานเพื่อการออกกำลังกายและการพักผ่อนหย่อนใจ จำนวน 35 แห่ง และใช้พื้นที่ไหล่ถนนส่งเสริมการใช้จักรยานเพื่อการฝึกซ้อมแข่งขันทำกิจกรรมเดินทางไกลเป็นหมู่คณะ จำนวน 15 แห่ง รวมทั้งสิ้น 80 แห่ง กีฬาเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสามัคคีของคนในชาติ และเพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจจากสื่อมวลชน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคนจะได้ร่วมกันลงมือทำในสิ่งที่ดีเพื่ออนาคตของประเทศ ร่วมกันพัฒนาให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามตลอดไป

รองนายกรัฐมนตรี : ทางด้านวัฒนธรรมก็ไม่ได้ทำเฉพาะวัฒนธรรมในประเทศ เราทำวัฒนธรรมในอาเซียนในต่างประเทศ ฉะนั้นความสัมพันธ์ของ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม เราทำด้วยกัน และมีความโดดเด่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือหลาย ๆ เรื่อง เช่น เราได้วัตถุโบราณกลับมาจากสหรัฐอเมริกา 500 กว่าชิ้น การนำชุดวัฒนธรรมไปแสดงที่ประเทศจีนหรือประเทศอื่น ๆ ที่จะแลกเปลี่ยนกัน หรือต่อไปเราก็จะไปที่ยุโรป ไปต่างประเทศ ซึ่งตรงนี้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ชื่นชม มีคนสนใจ ก่อนอื่นก็ขออนุญาตให้ท่านวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้เรียนชี้แจง

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ (รมว.วธ.) : ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมมีภารกิจ มีกิจกรรมและโครงการ ขอรายงานว่าในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมที่กรุงปักกิ่งเป็นโขน การแสดงนาฏศิลป์ดนตรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่เจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ในเมืองไทยเราก็มีกิจกรรม 2 กิจกรรมที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานคือ การจัดแสดงนิทรรศการผลงานของศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง เรื่อง “แสงสุวรรณภูมิสู่วัฒนธรรมอาเซียน” ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ถนนราชดำเนิน และนิทรรศการนี้ก็จะอยู่จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ อีกที่หนึ่งเป็นนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย คือนิทรรศการเรื่อง “เทวสตรี : คติพุทธ พราหมณ์ และความเชื่อในประเทศไทย” ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคมศกนี้

นอกจากนั้น ในเดือนเมษายนก็มีกิจกรรมในเรื่องของวันสงกรานต์ กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมวันสงกรานต์เป็นแบบสงกรานต์ดั่งเดิม เป็นสงกรานต์วิถีไทย สงกรานต์สืบสานประเพณีไทยสุขใจไทยทั่วล้า กิจกรรมทำทั่วประเทศ 76 จังหวัด ในวัดสำคัญของแต่ละจังหวัด ในส่วนกลางเราจัดทั้งหมด 7 วัด และมีการจัดร่วมกับภาคเอกชนที่สยามพารากอนด้วย และที่นี่เราได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งคือว่าเป็นพระพุทธรูปมงคลโบราณให้ประชาชนได้สักการบูชาด้วย ใกล้กันมีที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เป็นครั้งแรกที่กระทรวงวัฒนธรรมได้เชิญทูตานุทูตเข้าร่วมงานสงกรานต์ เพื่อให้เรียนรู้ประเพณีไทย และใกล้กันที่สยามสแควร์ กระทรวงวัฒนธรรมก็ได้จัดกิจกรรมเช่นเดียวกัน เป็นการจัดสงกรานต์เมษาผ้าขาวม้าครองโลก ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในต่างจังหวัด นอกจากจัดทุกจังหวัดแล้ว เราได้จัดร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ก็จะเป็นเมืองหน้าด่าน 4 เมือง ได้แก่ เมืองแม่สอดกับพม่า และเชียงของจัดร่วมกับลาว อรัญประเทศจัดร่วมกับกัมพูชา และภาคใต้ที่สะเดาก็จัดร่วมกับมาเลเซีย

233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ระหว่างวันที่ 17 – 21 เมษายน อยากจะกราบเรียนว่า เมื่อ 233 ปี ที่วันที่ 21 เมษายน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงฝังเสาหลักเมืองและสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานีของสยามประเทศ แล้วก็ 233 ปี ก็มีเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ได้ทรงทำนุบำรุงพัฒนาบ้านเมือง มีการพัฒนาศิลปวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง เราก็ได้ดำเนินการในเรื่องของการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีกิจกรรมที่ทำไปคือ การจัดขบวนเหตุการณ์สำคัญ พระราชกรณียกิจสำคัญของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์แต่ละราชการรวมทั้งหมด 9 ขบวนด้วยกัน และเวทีกลางท้องสนามหลวงได้มีการจัดการแสดงต่าง ๆ ทุกคืน 5 คืน เช่นการแสดงโขน การแสดงดนตรี ลีลาศ สุนทราภรณ์ ดนตรีลูกทุ่ง ลิเก และเป็นการแสดงของศิลปินแห่งชาติและศิลปินสาขาต่าง ๆ มีการแสดงรำวงย้อนยุค ภาพยนตร์ย้อนยุค มีนิทรรศการภาพถ่ายเก่าเล่าเรื่อง ซึ่งอันนี้เป็นนิทรรศการที่ได้รับความสนใจมาก และจะมีการละเล่นและกีฬาแบบไทย ที่สำคัญคือเราก็ไม่ละเว้นงานวิชาการ มีการสัมมนาเรื่องอมตะนคร อมรรัตนโกสินทร์ มีการแสดงสินค้า ผู้เข้าชมงานทั้งหมดประมาณ 450,000 คน และมีการจัดลำดับความสำเร็จของแต่ละกิจกรรมด้วย

สุดท้ายสำหรับวันนี้ก็จะเป็นเรื่องของการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ของกระทรวงคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ ขณะนี้ได้นำระบบเทคโนโลยีมาสนับสนุนการนำชม ปรากฏว่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมามีผู้เข้าชมถึง 4,200,000 คน คาดว่าทั้งปีก็จะมีผู้เข้าชมประมาณ 8 ล้านคน ซึ่งจะเพิ่มจากในปีที่ผ่านมาประมาณ 50% สุดท้ายเลยอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่าทุกภูมิภาคของไทยก็จะมีการจัดมหกรรมพื้นบ้านในแต่ละภูมิภาค มหกรรมพื้นบ้านก็จะประกอบไปด้วย ลิเก ลำตัด หมอลำ มโนราห์ หนังตะลุง เพลงซอ และงิ้ว อันนี้เป็นกิจกรรมที่เราส่งเสริมให้ศิลปินพื้นบ้านได้มีเวทีการแสดง และส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้งานศิลปวัฒนธรรมของตนเอง

รองนายกรัฐมนตรี : ขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่กรุณาสละเวลามาฟังพวกเราเล่าสิ่งที่เราได้ทำ จริง ๆ มีสิ่งที่เราทำมากมายกว่านี้ เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นความสะดวกหรืออยากทราบรายละเอียด ขอความกรุณาสอบถามโดยตรงที่ผมหรือท่านรัฐมนตรีทุกท่านได้ เราจะได้ให้รายละเอียดอย่างเต็มที่ และท่านใดมีความเห็นที่จะสนับสนุนหรือว่าช่วยเหลือให้ความคิดเห็นก็ยินดีรับฟัง

สุดท้ายขอยืนยันว่าพวกเราทุกคน รวมทั้งข้าราชการทุกคนในกระทรวงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะมุ่งมั่นตั้งใจ เสียสละทำงาน เพื่อประชาชนและประเทศชาติอย่างจริงจัง และด้วยความจริงใจ ขอบคุณครับ

 

วีดีทัศน์ รายการ https://youtu.be/KEt5mOVL2TU    (นาที 24.45 เป็นต้นไป) 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ

วิดีโอประกอบ