รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตประจำภูมิภาคยุโรป

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตประจำภูมิภาคยุโรป

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ต.ค. 2557

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 2,371 view

เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตประจำภูมิภาคยุโรป เพื่อมอบนโยบายในการทำงานแก่เอกอัครราชทูต ๑๑ คน ที่ประจำการในประเทศยุโรป ๑๐ ประเทศ ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ เยอรมนี เบลเยี่ยม เดนมาร์ก เช็ก เนเธอร์แลนด์ อิตาลี โปแลนด์

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงทิศทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยที่มุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติในทุก ๆ ด้าน การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทย การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน การแก้ไขปัญหาการแก้ไขปัญหาข้ามชาติต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ รวมถึงการดูแลคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้ย้ำถึงความสำคัญที่รัฐบาลไทยให้กับภาคเอกชนและการส่งเสริมการค้าและ การลงทุนระหว่างนักลงทุนไทยกับประเทศในยุโรป โดยอาศัยประโยชน์จากการที่ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ภาคเอกชนยุโรปสามารถต่อยอดการดำเนินธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีนตอนใต้ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ความเชื่อมั่นของต่างชาติเป็นเรื่องสำคัญ จึงขอให้เอกอัครราชทูตในภูมิภาคยุโรปทำงานอย่างต่อเนื่องและ แข็งขันในการดำเนินการเชิงรุกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายความร่วมมือกับประเทศในยุโรปในด้านที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน

ที่ประชุมเอกอัครราชทูตให้ความเห็นว่า ในขณะที่ประเทศในยุโรปยังคงมีข้อสงวนเกี่ยวกับการแสดงท่าทีทางการเมืองต่อสถานการณ์ในไทย แต่โดยรวมแล้วประเทศต่าง ๆ มีความยินดีที่ไทยกำลังดำเนินตาม roadmap เพื่อนำเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจกลับคืนสู่ประเทศ ในระดับประชาชน ไทยยังมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของชาวยุโรป

ที่ประชุมเห็นว่า ในช่วงเวลาปัจจุบัน ไทยและประเทศในยุโรปจะต้องรักษาความร่วมมือในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันให้เดินหน้าต่อไป อาทิ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านพลังงานทดแทน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษา และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของชุมชนคนไทยในยุโรป

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำถึงความสำคัญของการทำงานอย่างมีบูรณาการ และทำงานโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ