เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีนักกอรีตัวแทนประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ ๑ ในการทดสอบการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอานและท่องจำฮาดิษ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงศาสนกิจของอินโดนีเซียร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำอินโดนีเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดการทดสอบการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอานและท่องจำฮาดิษ (การท่องจำคำสอนและการปฏิบัติของศาสดา) สำหรับประเทศในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่กรุงจาการ์ตา ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ โดยกระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนสมาคมกอรีแห่งประเทศไทย ในอุปถัมภ์จุฬาราชมนตรี ได้นำนักกอรีตัวแทนประเทศไทยจำนวน ๑๐ คน เดินทางไปเข้าร่วมการทดสอบดังกล่าว โดยการทดสอบครั้งนี้ มี ๑๓ ประเทศ จาก ๓ ภูมิภาคเข้าร่วม โดยประเทศจากภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ กัมพูชา สิงคโปร์ ไทยและบรูไน ประเทศจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้แก่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และประเทศจากภูมิภาคเอเชียกลางได้แก่ ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน และคาซัคสถาน ผลการแข่งขันปรากฏว่า ประเทศไทย โดยนายอัฟฟัน โต๊ะแวอายี อายุ ๒๕ ปี จากโรงเรียนตัหฟีซดารุลอะมาน ปอเนาะบือแนกือบง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ ๑ สำหรับการทดสอบประเภทท่องจำคัมภีร์ ๓๐ บท (Hafalan 30 Juz Al-Quran) คว้าเงินรางวัล ๑๖,๐๐๐ ไรยัลซาอุดีอาระเบีย (ประมาณ ๑๓๐,๐๐๐ บาท) พร้อมเงินสนับสนุนไปประกอบพิธีฮัจย์และเกียรติบัตร

ในโอกาสนี้ นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงจาการ์ตา และนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ  กรุงจาการ์ตา ได้ร่วมเป็นประธานเลี้ยงอาหารค่ำคณะ โดยจัดให้คณะพบปะนักเรียนไทยในอินโดนีเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการศึกษา ตลอดจนสังเกตการณ์สภาพความเป็นอยู่ของนักเรียน รวมทั้งเชิญชวนให้นักเรียนไทยในอินโดนีเซียไปร่วมให้กำลังใจผู้แทนไทยในการทดสอบฯ ด้วย

อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้ให้การสนับสนุนสมาคมกอรีแห่งประเทศไทย ในอุปถัมภ์จุฬาราชมนตรีซึ่งเป็นองค์กรอย่างเป็นทางการของประเทศไทยในด้านศาสตร์การอ่านคัมภีร์อัลกุรอานแบบทำนองเสนาะ (กอรี) และการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอาน (ฮาฟีซ) ในการคัดเลือก ฝึกอบรม และนำนักกอรีตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมการแข่งขันในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตและประเพณีอันเก่าแก่ของชาวไทย-มุสลิม อีกทั้งช่วยสร้างโอกาสให้กับนักกอรีไทยได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมโลกมุสลิม เพิ่มพูนประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายให้กับนักกอรีไทยในวงการกอรีสากล ถือเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านมุสลิมของไทย