คณะผู้แทนไทยรับฟังคำพิพากษาคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕

คณะผู้แทนไทยรับฟังคำพิพากษาคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕

วันที่นำเข้าข้อมูล 11 พ.ย. 2556

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 25 พ.ย. 2565

| 2,969 view

เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก นายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และคณะผู้แทนไทย เข้ารับฟังการอ่านคำพิพากษาคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕ ณ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์

ภายหลังเสร็จสิ้นการอ่านคำพิพากษา นายสุรพงษ์ฯ ได้แถลงว่า คำพิพากษาน่าจะเป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย โดยไทยกับกัมพูชาจะหารือรายละเอียดในกรอบคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชาต่อไป ส่วนนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยในการต่อสู้คดี ได้สรุปสาระสำคัญของคำพิพากษาว่า ศาลรับพิจารณาคำฟ้องของกัมพูชา และได้ตัดสินว่า คำพิพากษาเดิมตัดสินให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือดินแดนบริเวณใกล้เคียงปราสาท ซึ่งใกล้เคียงกับวิธีที่ ๑ ที่คณะรัฐมนตรีเมื่อปี ๒๕๐๕ ได้พิจารณา อย่างไรก็ตาม ศาลมิได้ระบุขอบเขตของบริเวณดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน และให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันโดยสุจริตใจ

หลังจากนั้น คณะผู้แทนไทยที่กรุงเฮกได้หารือผ่านระบบประชุมทางวีดิทัศน์กับนายกรัฐมนตรีและคณะทำงานที่กรุงเทพ เพื่อพิจารณาผลของคำพิพากษาในชั้นต้น และคณะทำงานศึกษาและวิเคราะห์คำพิพากษา ซึ่งมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานและประกอบด้วยผู้บริหารและผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะศึกษาคำพิพากษาในรายละเอียด และเสนอแนวทางดำเนินการต่อรัฐบาลต่อไป

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ