วันที่นำเข้าข้อมูล 6 พ.ย. 2556
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศนำคณะเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ประกอบด้วย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก นายวรเดช วีระเวคิน อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นายธนา เวสโกสิทธิ์ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และผู้แทนจากกรมเอเชียตะวันออกและกรมสารนิเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมกับผู้แทนระดับสูงของฝ่ายทหารและจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้ข้อมูลและเตรียมความพร้อมก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะอ่านคำพิพากษาในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ รวมทั้งพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่หมู่บ้านภูมิซรอล อ. กันทรลักษ์ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย – กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหารด้วย
โดยในช่วงเช้า รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเปิดและร่วมเป็นวิทยากรในการประชุมวิชาการ เรื่อง “การบูรณาการในการเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา” ซึ่งจัดขึ้น โดยกรมกิจการชายแดนทหาร กองทัพภาคที่ ๒ และกองกำลังสุรนารี ณ โรงแรมพรหมพิมาน อ. เมืองศรีสะเกษ และมีผู้เข้าร่วมการประชุมจากทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สื่อมวลชน และภาคประชาชนในพื้นที่ รวมประมาณ ๓๐๐ คน ในการนี้ คณะเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศได้บรรยายในประเด็นภาพรวมความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชา แนวโน้มคำพิพากษาคดีตีความปราสาทพระวิหาร และการเตรียมการของรัฐบาลไม่ว่าคำพิพากษาฯ จะออกมาในแนวทางใด ขณะที่พลโทธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เจ้ากรมยุทธการทหารได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของฝ่ายทหาร
คำบรรยายของวิทยากรจากกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมสรุปได้ว่า ยังไม่อาจทราบได้ว่า คำพิพากษาจะออกมาแนวทางใด แต่ภายหลังศาลฯ มีคำพิพากษาแล้ว รัฐบาลไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือกันให้ได้ข้อยุติที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้เสียก่อนจึงจะมีการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฯ ตามขั้นตอนและกลไกในการดำเนินการซึ่งจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและรัฐธรรมนูญของประเทศ ดังนั้น วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน จึงไม่ใช่วันที่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงทันที ยังต้องใช้เวลาในการเจรจาหารือก่อนการดำเนินการใด ๆ ดังนั้น การที่ทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนในพื้นที่เตรียมความพร้อมเป็นสิ่งที่ดี เพื่อตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แต่ก็ควรดำเนินการอย่างมีสติและไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป ทั้งนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีการหารือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิดในทุกระดับเพื่อเตรียมความพร้อมและรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน ไม่ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในทางใด รัฐบาลไทยก็จะรักษาความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับกัมพูชาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดน
ในช่วงบ่าย รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศพร้อมคณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมและจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต. เสาธงชัย อ. กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ เพื่อพบปะเยี่ยมเยียน รับฟังความคิดเห็น ตอบข้อซักถาม และให้กำลังใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยมีชาวบ้านให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ ๑๕๐ คน ในการนี้ รองปลัดกระทรวงฯ ได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนชาวภูมิซรอลว่า ไม่ว่าผลคำพิพากษาของศาลโลกจะออกมาอย่างไร รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แนวชายแดนเพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติ และหากมีข้อกังวลหรือข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ พื้นที่หมู่บ้านภูมิซรอลเคยได้รับผลกระทบจากการปะทะทางทหารระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อปี ๒๕๕๔ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเกิดความเสียหายสิ่งก่อสร้างและทรัพย์สินด้วย
การลงพื้นที่ อ. กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมร่วมกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กรมกิจการชายแดน และจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องคดีปราสาทพระวิหารซึ่งดำเนินการเป็นระยะ ๆ แล้ว ยังเป็นไปตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่กำชับให้ผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมร่วมลงพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พบปะชาวบ้านที่อาศัยใกล้แนวชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อทำความเข้าใจ ให้กำลังใจ และเตรียมความพร้อมก่อนศาลโลกจะอ่านคำพิพากษา
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **