นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ( Working Visit ) เพื่อเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ “The Future of Asia” ครั้งที่ ๑๙ ตามคำเชิญของบริษัท Nikkei ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖

การเดินทางเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรีและคณะในครั้งนี้ เป็นการเยือนในลักษณะ Working Visit ตามคำเชิญของบริษัท Nikkei ของญี่ปุ่น เจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ The Future of Asia ครั้งที่ ๑๙ โดยในโอกาสนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้เตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีในลักษณะ Working Visit หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น และหารือทวิภาคีกับนายชินโซ  อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น รวมทั้งการนำภาคเอกชนผู้ประกอบการ OTOP และ SMEs ศึกษาดูงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่าย ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นต้นแบบและมีความเชียวชาญ เพื่อนำมาพัฒนาและสานต่อศักยภาพของ OTOP และ SMEs ของไทยต่อไป

สำหรับการประชุมนานาชาติ “The Future of Asia” จัดขึ้นประจำทุกปี โดยบริษัท Nikkei และ Japan Center for Economic Research เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเสริมสร้างการพัฒนาและความมั่นคงของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยผู้นำรัฐบาลและภาคเอกชนสำคัญจากทั่วภูมิภาค โดยในปีนี้ บริษัท Nikkei เชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมฯ และกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “Investing in the Future of Asia” โดยนายกรัฐมนตรีจะแสดงวิสัยทัศน์ถึงทิศทางอนาคตของเอเชียซึ่งกำลังเป็นภูมิภาคที่เข้มแข็งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะหยิบยกถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นและเป็นอุปสรรคสำหรับการเติบโตของเอเชีย รวมทั้ง แนวทางที่เอเชียจะร่วมกันแก้ปัญหาและรับมือกับสิ่งเหล่านี้เพื่อไม่ให้กระทบต่ออนาคตของเอเชีย

ในกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ไทยและญี่ปุ่นจะตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในทุกมิติทั้งด้านสังคม และเศรษฐกิจ  ครอบคลุมถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยนายกรัฐมนตรีจะย้ำถึงการสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชนญี่ปุ่นต่อการรักษาและขยายฐานการผลิตในไทย การส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น รวมทั้ง ให้การดูแลแก้ไขอุปสรรคการลงทุนของญี่ปุ่นในไทย และความร่วมมือในการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเขตอุตสาหกรรมพิเศษทวาย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการร่วมกิจกรรมกับภาคเอกชนจากภาคผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจชุมชน (OTOP) ที่จะเยี่ยมชมและศึกษาดูงานการพัฒนา SMEs และ OTOP ในญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรีจะร่วมเยี่ยมชมโครงการ D๔๗ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ส่งเสริมการผลิตและนำเสนอสินค้า ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสินค้าท้องถิ่น และมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดีไซน์ชั้นนำจากทั้ง ๔๗ จังหวัดของญี่ปุ่น จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะร่วมพบปะและรับฟังผลการศึกษาดูงานของภาคเอกชน SMEs และ OTOP เพื่อนำแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่าย มาปรับใช้กับการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าของไทย

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ http://www.thaigov.go.th/th/2012-07-18-11-42-15/item/77382