ไทยพร้อมโต้กัมพูชาในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕

ไทยพร้อมโต้กัมพูชาในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕

วันที่นำเข้าข้อมูล 16 เม.ย. 2556

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 4,248 view

ในช่วงบ่ายวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๖ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้บรรยายสรุปแก่ผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการให้การทางวาจารอบแรกของฝ่าย กัมพูชา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. กัมพูชาได้นำเสนอข้อโต้แย้งและประเด็นหักล้างคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของ ฝ่ายไทย โดยพยายามอธิบายว่ากัมพูชามิได้ขออุทธรณ์คดีฯ หรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาปี ๒๕๐๕ เพียงแต่ต้องการให้ศาลฯ ชี้ให้ชัดเจนว่าขอบเขตดินแดนของกัมพูชา และบริเวณใกล้เคียงปราสาทที่ระบุในคำพิพากษาฯ คืออะไร

2. กัมพูชาพยายามแสดงให้ศาลฯ เห็นว่ากัมพูชาและไทยมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับคำพิพากษาฯ และได้อธิบายว่า “แผนที่ภาคผนวก ๑” เป็นส่วนของเหตุผลสำคัญที่ไม่อาจแยก (inseparable) จากคำพิพากษาเดิมได้ ดังนั้น คำขอของกัมพูชาจึงเข้าเงื่อนไขของการขอให้ศาลฯ ตีความคำพิพากษา

3. การตีความดังกล่าวจะทำไม่ได้หากไม่อ้างอิง “แผนที่ภาคผนวก ๑” แนบท้าย คำฟ้องของกัมพูชาในคดีเดิม ซึ่งกัมพูชาเห็นว่าศาลฯ ได้ยอมรับแล้วว่าเส้นบนแผนที่ดังกล่าวเป็นเส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชากับไทย

ใน เรื่องนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าการให้การทางวาจาของฝ่ายกัมพูชาข้างต้น เป็นไปตามที่ปรากฏในคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของฝ่ายกัมพูชาที่ได้ยื่นต่อ ศาลฯ ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งไทยมีความพร้อมที่จะหักล้าง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฯ เมื่อปี ๒๕๐๕ ที่ไทยได้ปฏิบัติตามอย่างครบถ้วนแล้ว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า การกระทรวงศึกษาธิการอธิบายเพิ่มเติมว่า กัมพูชาพยายามแสดง    ให้ศาลฯ เชื่อว่าการปฏิบัติตามคำพิพากษาของฝ่ายไทยเมื่อปี ๒๕๐๕ เป็นการตีความคำพิพากษาตามความเข้าใจของไทยฝ่ายเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทพระวิหารตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ซึ่งกัมพูชาไม่ยอมรับ อย่างไรก็ตาม ไทยจะนำเสนอข้อมูลและเหตุผลซึ่งมีความชัดเจนและมีน้ำหนัก ในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ ต่อไป

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ