วันที่นำเข้าข้อมูล 14 ก.พ. 2555
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
Republic of the Philippines
ที่ตั้ง
ทิศตะวันตกและทิศเหนือติดกับทะเลจีนใต้
ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก
เมืองหลวง
กรุงมะนิลา
ประชากร
98 ล้านคน
ภูมิอากาศ
อากาศเมืองร้อน
ภาษา
ฟิลิปิโน และอังกฤษเป็นภาษาราชการ
ศาสนา
โรมันคาธอลิกร้อยละ 83 โปรเตสแตนท์ร้อยละ9 มุสลิมร้อยละ 5
หน่วยเงินตรา
เปโซ (1 เปโซ ต่อ 0.70 บาท/ เม.ย. 2556)
ผลิตภันฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
250.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2555)
รายได้ประชาชาติต่อหัว (GDP per capita)
4,096 ดอลลาร์สหรัฐ (2555)
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ร้อยละ 6.6 (2555)
1. การเมืองการปกครอง
1.1 ฟิลิปปินส์ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในรูปแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน อยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปี ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 1 วาระ วุฒิสภามีสมาชิก 24 คน มาจากการเลือกตั้งจากผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ (nationwide elected) มีวาระ 6 ปี และรัฐบาลจะจัดให้มีการเลือกตั้งวุฒิสภาจำนวนครึ่งหนึ่ง (12 คน) ทุก 3 ปี
1.2 ฟิลิปปินส์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 17 เขต (region) 80 จังหวัด (province) และ 120 เมือง (city) โดยแบ่งการปกครองย่อยออกเป็น 1,499 เทศบาล (municipality) และ 41,969 บารังไก (barangay) ซึ่งเทียบเท่าตำบลหรือหมู่บ้าน
1.3 ฟิลิปปินส์จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนท้องถิ่นทั่วประเทศ รวม 17,996 ตำแหน่งในคราวเดียวกัน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 มีผู้ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 50.7 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประมาณ 38 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 75 ของผู้ลงทะเบียนทั้งหมด โดยนายเบนิกโน เอส อาคีโน ที่สาม (Benigno S. Aquino III) ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจากพรรค Liberal (LP) และนายเจโจมาร์ บิไน (Jejomar Binay) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมากาติ (Makati) ได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี
1.4 รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดี อาคีโน ที่สาม มุ่งให้ความสำคัญกับการปฏิรูประบบบริหารประเทศเพื่อปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวงและขจัดความยากจน จึงได้รับความนิยม จากประชาชนและมีสถานะความมั่นคงทางการเมืองสูง ทั้งนี้ รัฐบาลมีมาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ การสร้างมาตรฐานกฎระเบียบด้านงบประมาณ การปรับปรุงระบบข้าราชการพลเรือน และการปรับปรุงระบบการศึกษา ส่วนประเด็นด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลฟิลิปปินส์เน้นการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นท้าทายต่าง ๆ เช่น การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระบาดของโรคติดต่อ การฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ และการสร้างพลังประชาคมระหว่างประเทศในทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals MDG) ภายในปี 2558
2. เศรษฐกิจ
2.1 ฟิลิปปินส์มีระบบเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกับไทย กล่าวคือ เป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากร ร้อยละ 60 ประกอบอาชีพเกษตรกร อย่างไรก็ดี สภาพภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกมีน้อย โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณที่ราบต่ำและเนินเขาที่ปรับให้เป็นขั้นบันไดในบริเวณเกาะลูซอน ขณะเดียวกันประชากรฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่นิยมประกอบอาชีพในต่างประเทศ ฟิลิปปินส์จึงพึ่งพารายได้จากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศเป็นส่วนใหญ่
2.2 รัฐบาลภายใต้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีอาคีโน ที่สาม เน้นนโยบายสร้างวินัยทางการคลัง โดยการบริหารงบประมาณแบบสมดุล (zero - budgeting policy) เพื่อแก้ไขภาวะงบประมาณขาดดุล อันเป็นปัญหาสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ในปี 2553 รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณขาดดุลอัตราร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือประมาณ 625 พันล้านเปโซ เนื่องจากความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณเพื่อเร่งพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค และอัดฉีดเม็ดเงินให้กับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยสนับสนุนการสร้างกลไกความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ - เอกชน (public - private partnerships) และเร่งแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างชาติ ผลักดันกฎหมายป้องกันการผูกขาด (anti - trust law) เพื่อส่งเสริมการแข่งขันอย่างเท่าเทียม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในสาขาสาธารณูปโภค การท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เหมืองแร่ และเกษตรกรรม
2.3 ในปี 2553 การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของฟิลิปปินส์ อยู่ที่อัตราร้อยละ 7.3 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2553 การใช้จ่ายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 รวมทั้งปัจจัยเชิงบวกด้านอื่น ๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเงินโอนจากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ การขยายตัวของภาคการส่งออก การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ การเพิ่มขึ้นของปริมาณการลงทุน และเศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเติบโตในอัตราร้อยละ 7 8 ตลอดวาระการบริหารงาน (ปี 2553 2560) อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังมีความกังวลต่อปัญหา/ อุปสรรคอื่น ๆ ในการลงทุนในฟิลิปปินส์ เช่น ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายในระยะยาว ระบบสาธารณูปโภคขาดคุณภาพและค่าใช้จ่ายสูง
3. นโยบายต่างประเทศ
3.1 นโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์อยู่บนพื้นฐานของนโยบายหลัก 3 ด้าน คือ (1) ด้านความมั่นคง (2) ด้านเศรษฐกิจ และ (3) ด้านแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ (Overseas Filipinos Workers) โดยเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์แห่งชาติกับการเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมระหว่างประเทศ และยังคงให้ความสำคัญกับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศสมาชิกอาเซียน
3.2 ฟิลิปปินส์มีความใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา เนื่องด้วยความเกี่ยวพันทางประวัติศาสตร์ ความเป็น พันธมิตรด้านความมั่นคง และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ในระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาของประธานาธิบดีอาคีโน ที่สาม เมื่อเดือนกันยายน 2553 รัฐบาลฟิลิปปินส์ประสบผลสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนและเงินช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐอเมริกาพร้อมจะสนับสนุนนโยบายแห่งชาติของฟิลิปปินส์ในทุกมิติ ในการนี้ ฟิลิปปินส์ได้ลงนามความตกลง Millennium Challenge Account (MCA) มูลค่า 434 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความตกลงดังกล่าว อยู่ภายใต้การดำเนินงานของความร่วมมือแห่งความท้าทายแห่งสหัสวรรษ (Millennium Challenge Corporation MCC) โดยเป็นเงินทุนจากสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนประเทศที่ยากจนเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังได้แสดงความสนใจที่จะเพิ่มพลวัตร และแรงขับเคลื่อนทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยการเข้าร่วมการเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้าเสรีในกรอบ Trans Pacific Economic Partnership
3.3 ฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ในระดับดีกับนานาประเทศ อาทิ (1) กับญี่ปุ่นในฐานะประเทศที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์และเป็นประเทศผู้บริจาครายสำคัญต่อการพัฒนาในมินดาเนา (2) กับจีนในฐานะประเทศคู่ค้าและผู้ลงทุนที่สำคัญ และ (3) กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และเยเมน ซึ่งเป็นตลาดแรงงานสำคัญของฟิลิปปินส์และแหล่งทุนสำหรับการพัฒนาในมินดาเนา ตลอดจนมีศักยภาพที่จะสนับสนุนฟิลิปปินส์ในการเข้าเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ในองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference OIC)
3.4 ฟิลิปปินส์ส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง (1) การร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (Moro Islamic Liberation Front MILF) และกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร (Moro National Liberation Front MNLF) (2) การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่ม NAM วาระพิเศษว่าด้วยเรื่อง Interfaith Dialogue และความร่วมมือเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (Special Non-Aligned Movement Ministerial Meeting - SNAMM) เมื่อเดือนมีนาคม 2553 ซึ่งมีการรับรองปฏิญญามะนิลาเกี่ยวกับหลักสำคัญในการบรรลุผลด้านสันติภาพและการพัฒนาโดยใช้ Interfaith Dialogue (3) การเป็นประธานการประชุมทบทวนไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (2010 Review Conference of Non-Proliferation of Nuclear Weapon NPT) ซึ่งสาระสำคัญเกี่ยวกับการลดและไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติจำนวน 64 ข้อ ได้รับการบรรจุไว้ในรายงานสุดท้ายของการประชุมดังกล่าว (4) การส่งกองกำลังฟิลิปปินส์เข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ และ (5) การมีบทบาทที่แข็งขันในกรอบอาเซียน อาทิ บทบาทในฐานะประเทศผู้ประสานงานการเจรจาระหว่างอาเซียน สหรัฐอเมริกา การส่งเสริมการจัดทำแนวทางปฏิบัติ ในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in South China Sea) รวมทั้งการสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนอาเซียน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์
1. ความสัมพันธ์ทั่วไป
1.1 การทูต
- ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2492 เอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลาคนปัจจุบันคือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย และมีหน่วยงานในสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และสำนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ณ เมืองเซบู เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย คนปัจจุบันคือ นางลิงลีไง เอฟ ลาคันลาเล
- ความสัมพันธ์ทวิภาคีไทยกับฟิลิปปินส์ดำเนินไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดมานาน เป็นประเทศร่วมก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Treaty Organization - SEATO) และอาเซียน และเป็นแนวร่วมในอาเซียนและเวทีระหว่างประเทศเนื่องจากมีทัศนคติและแนวคิดคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านประชาธิปไตยและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน มีกลไกความสัมพันธ์ทวิภาคี ได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission on Bilateral Cooperation JCBC) ตั้งเมื่อปี 2536 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ ทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCBC ครั้งที่ 4 (ครั้งหลังสุด) เมื่อวันที่ 25 26 มีนาคม 2550 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ปรับรูปแบบการประชุมโดยให้จัดการประชุมเป็นประจำทุก 2 ปี โดยเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสแล้วตามด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีในลักษณะไม่เป็นทางการ (Retreat) ฝ่ายฟิลิปปินส์มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCBC ครั้งที่ 5 ซึ่งในชั้นนี้ ฟิลิปปินส์เสนอจะจัดการประชุมดังกล่าวในปี 2555
- ในปี 2552 ไทยกับฟิลิปปินส์ได้ครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีการจัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าว อาทิ นิทรรศการศิลปะ การแสดงทางวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญการอนุรักษ์โบราณสถานและการจัดเทศกาลภาพยนตร์
1.2 เศรษฐกิจ
1.2.1 การค้า
- การค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ระหว่างปี 2545 2554 เติบโตค่อนข้างดีสม่ำเสมอ ในปี 2555 ฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้าลำดับที่ 5 ของไทยในอาเซียน และลำดับที่ 17 ในโลก มีมูลค่าการค้ารวม 7,585.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (235,340 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ร้อยละ 3.27 ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ 4,861.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (150,141.86 ล้านบาท) ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์ 2,724.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (85,199.13 ล้านบาท) โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 2,136.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (64,942.73 ล้านบาท) ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของฟิลิปปินส์ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และลำดับที่ 7 ของฟิลิปปินส์ในโลก โดยฟิลิปปินส์ส่งออกไปไทยเป็นลำดับที่ 9 และนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 8 ของโลก ทั้งนี้ ไทยมักจะเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับฟิลิปปินส์เป็นส่วนใหญ่
ปัญหาทางการค้าที่ภาคเอกชนไทยประสบ ได้แก่ (1) การถูกเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน (2) ปัญหาการทุ่มตลาดสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้านำเข้าจากจีน (3) สายการบินต้องเสียภาษีสูงกว่าสายการบินฟิลิปปินส์และถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการใช้บริการท่าอากาศยานมะนิลา (4) การมีกฎระเบียบและข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและโรคเกี่ยวกับพืชที่เข้มงวด และ (5) การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกสดและแช่แข็งจากไทยตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2547 ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการยกเลิก
1.2.2 การลงทุน
- ในปี 2554ไทยลงทุนในฟิลิปปินส์เป็นอันดับที่ 18 (อันดับที่ 3 ในอาเซียน) ภาคเอกชนไทย ที่ลงทุนในฟิลิปปินส์ ได้แก่ เครือโรงแรมดุสิตธานี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เครืออิตัลไทย เครือซิเมนต์ไทย เครือเจริญโภคภัณฑ์ และธนาคารกรุงเทพ ในขณะที่ฟิลิปปินส์ลงทุนในไทยเป็นลำดับที่ 5 ของอาเซียน และในปี 2552 ได้รับอนุมัติโครงการจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จำนวน 2 โครงการ ภาคเอกชนฟิลิปปินส์ที่ลงทุนในไทยส่วนใหญ่เป็นสาขาอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่บริษัท Universal Robina (ขนมขบเคี้ยว) San Miguel (เบียร์) และบริษัท Thai Liwayway Food Industries (ขนมขบเคี้ยวยี่ห้อรินบี้และเครื่องดื่ม) ในปี 2553 มีโครงการจากฟิลิปปินส์ได้รับใบประกาศอนุมัติส่งเสริมการลงทุน (Promotion Certificate Issue) จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 1 โครงการ คือ กิจการโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพ
- ฟิลิปปินส์มีปัจจัยบวกที่ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ เช่น บุคลากรใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เป็นมิตร และตลาดภายในประเทศมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนประชากรมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านการค้าการลงทุนที่ภาคเอกชนไทยประสบได้แก่ (1) การถูกเรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน และไม่เป็นธรรม (2) ปัญหาการทุ่มตลาดสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้านำเข้าจากจีนและเวียดนาม (3) การมีกฎระเบียบและข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและโรคเกี่ยวกับพืชที่เข้มงวด (4) การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกสดและแช่แข็งจากไทยตั้งแต่ 23 มกราคม 2547 ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการยกเลิก (5) ปัญหาในการดำเนินธุรกิจและขยายกิจการ เช่น ปัญหาในการหาที่ดินที่เหมาะสมเพื่อประกอบธุรกิจและการครอบครองที่ดินมีขั้นตอนที่ซับซ้อน และระบบขั้นตอนทางราชการที่ล่าช้า ค่าสาธารณูปโภคสูง การขาดความต่อเนื่องเชิงนโยบายและเสถียรภาพทางการเมือง และปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง
1.2.3 การท่องเที่ยว
- ในปี 2554 มีนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์มาไทย จำนวน 271,903 คน และนักท่องเที่ยวไทยไปฟิลิปปินส์ ประมาณ 20,000 คน ปัจจุบัน มีชาวไทยอาศัยอยู่ในฟิลิปปินส์ประมาณ 650 คน รัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์เห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บริหารระดับสูง การจับคู่ทางธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น และการจัดทำโครงการจุดหมายปลายทางร่วมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ (Thailand-Philippines Tourist Package) เนื่องจากทั้งสองประเทศมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่สวยงามและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของอาเซียนในภาพรวมอีกด้วย
2. ความตกลงที่สำคัญกับไทย
ความตกลงที่ลงนามไปแล้ว
2.1 ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหาร (ลงนามเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2490)
2.2 สนธิสัญญาไมตรีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์
(ลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2492)
2.3 ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างอาณาเขตของแต่ละฝ่าย (ลงนามเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2496)
2.4 ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ
(ลงนามเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2505)
2.5 ความตกลงว่าด้วยที่ดิน (ลงนามเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2506)
2.6 ความตกลงทางวัฒนธรรมไทย ฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2518)
2.7 ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการเกษตร (ลงนามเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2522)
2.8 สนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (ลงนามเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2524)
2.9 อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้
(ลงนามเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2525 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2526)
2.10 ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และวิชาการ (ลงนามเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2526)
2.11 คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission on Bilateral Cooperation - JCBC) (ลงนามเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2535)
2.12 ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (ลงนามเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2536)
2.13 ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (ลงนามเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2538)
2.14 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาการเกษตร
(ลงนามเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2540)
2.15 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร (ลงนามเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2540)
2.16 ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม (ลงนามเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2541)
2.17 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขจัดคราบน้ำมัน (ลงนามเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2542)
2.18 ความตกลงทางการค้า (ลงนามเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2542)
2.19 สนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา
(ลงนามเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2544)
2.20 ความตกลงแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ และจัดตั้งวิธีการดำเนินการในการสื่อสาร
(ลงนามเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2545)
2.21 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (ลงนามเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2546)
2.22 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (ลงนามเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2546)
2.23 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวไทย ฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553)
2.24 บันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวไทย ฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อเดือนมิถุนายน 2554)
ความตกลงที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาจัดทำ
2.24 อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย ฟิลิปปินส์ (ฉบับแก้ไข)
2.25 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย ฟิลิปปินส์
2.26 บันทึกความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู
2.27 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปราบปรามยาเสพติดและสารตั้งต้นการผลิต
2.28 ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงาน ไทย - ฟิลิปปินส์
3. การเยือนที่สำคัญ
3.1 ฝ่ายไทย
พระราชวงศ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
- วันที่ 9 14 กรกฎาคม 2506 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
- วันที่ 26 พฤศจิกายน 2548 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์เพื่อทรงทำการบินเพื่อส่งเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เพื่อทรงเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- วันที่ 27 สิงหาคม - 2 กันยายน 2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ เพื่อทรงรับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาบริการชุมชน ซึ่งมูลนิธิรางวัลรามอน แมกไซไซ ทูลเกล้าฯ ถวาย
- วันที่ 15 - 18 พฤศจิกายน 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ เพื่อทรงเปิดและเข้าร่วมประชุมทางวิชาการนานาชาติด้านพันธุกรรมข้าว ครั้งที่ 6 (The 6th International Rice Genetics Symposium) และทรงเปิดนิทรรศการฉลองการสถาปนาสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute - IRRI) ครบรอบ 50 ปี
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ อัครราชกุมารี
- วันที่ 24 - 26 กรกฎาคม 2535 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ อัครราชกุมารี เสด็จเยือนฟิลิปปินส์
พระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
- วันที่ 11 - 14 มีนาคม 2540 พระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการเพื่อเป็นองค์ประธานการเปิดโรงแรมดุสิตธานี มะนิลา และเป็นองค์ประธานพิธีเปิดศาลาไทย ณ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ วิทยาเขตลอส บายอส
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
- วันที่ 26 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2548 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23
รัฐบาล
นายกรัฐมนตรี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- วันที่ 12 13 ตุลาคม 2544 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 7 8 กันยายน 2546 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์ตามคำเชิญ ของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์เรื่อง Thaksinomics ต่อ Philippine Chamber of Commerce and Industry - PCCI และ Philippine-Thailand Business Council PTBC และเพื่อร่วมในพิธีส่งมอบเครื่องบินโจมตีแบบ OV-10 ซึ่งกองทัพอากาศไทยปลดประจำการแล้วให้แก่กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ ตามคำขอของฟิลิปปินส์เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์
- วันที่ 30 31 มกราคม 2547 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือของเอเชียตะวันออก - ละตินอเมริกา (Forum for East Asia-Latin America Cooperation FEALAC)
- วันที่ 29 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2547 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์) เข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
- วันที่ 10 - 12 เมษายน 2548 นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่เมืองเซบูและเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 23 ตุลาคม 2549 พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 10 14 ธันวาคม 2549 นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน ที่เมืองเซบู
- วันที่ 13 - 15 มกราคม 2550 พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ณ เมืองเซบู
- วันที่ 2 - 3 สิงหาคม 2550 นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 22 - 23 พฤษภาคม 2551 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 14 สิงหาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- วันที่ 30 มิถุนายน 1 กรกฎาคม 2553 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยเพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนการดำรงตำแหน่งของนายเบนิกโน อาคีโน ที่สาม ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
- วันที่ 19 มกราคม 2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
3.2 ฝ่ายฟิลิปปินส์
รัฐบาล
ประธานาธิบดี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- วันที่ 15 - 19 มกราคม 2511 นายเฟอร์ดินัน อี.มาร์กอส ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์และภริยาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
- วันที่ 7 - 8 พฤษภาคม 2545 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
- วันที่ 29 เมษายน 2546 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome SARS)
- วันที่ 21 22 มิถุนายน 2546 นายบลาส เอฟ อ๊อบ-เล่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เข้าร่วมการประชุม Asia Cooperation Dialogue ที่จังหวัดเชียงใหม่
- วันที่ 20 - 21 ตุลาคม 2546 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 11
- วันที่ 4 - 5 มีนาคม 2548 นายอัลเบอร์โต กัตไมตัน โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ
- วันที่ 10 - 15 กรกฎาคม 2548 นายฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อร่วมการประชุม The International Association of University Presidents (IAUP) ครั้งที่ 14
- วันที่ 12 16 กุมภาพันธ์ 2549 นายฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องกฎบัตรอาเซียน ครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพฯ
- วันที่ 16 - 18 กรกฎาคม 2549 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์แวะพักที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินดอนเมือง ก่อนและหลังการเยือนลิเบียอย่างเป็นทางการ
- วันที่ 13 สิงหาคม 2549 นายอัลเบอร์โต กัตไมตัน โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศฟิลิปปินส์ แวะพักที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานดอนเมือง หลังการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางกลับฟิลิปปินส์
- วันที่ 24 - 27 มีนาคม 2550 นายอัลเบอร์โต กัตไมตัน โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 4
- วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14
- วันที่ 10 - 12 เมษายน 2552 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน+3 ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 4
- วันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2552 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15
- วันที่ 26 - 27 พฤษภาคม 2554 นายเบนิกโน เอส อาคิโน ที่สาม ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เวบไซต์หน่วยงานฟิลิปปินส์อื่น ๆ (LINKS)
สถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย
Office of the President
House of Representatives
Department of Agrarian Reform
Department of Agriculture
Department of Budget and Management
Department of Education, Culture and Sports
Department of Energy
Department of Environment and Natural Resources
Department of Finance
Department of Foreign Affairs
Department of Health
Department of the Interior and Local Government
Department of Justice
Department of Labor and Employment
Armed Forces of the Philippines
Department of Public Works and Highways
Department of Science and Technology
Department of Social Welfare and Development
Department of Tourism
Department of Trade and Industry
Department of Transportation and Communications
สถานะ เมษายน 2556
กองเอเชียตะวันออก 1 กรมเอเชียตะวันออก โทร. 0-2643-5195-6Fax. 0-2643-5197 E-mail : [email protected]
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **