รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐกัวเตมาลาเยือนประเทศไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐกัวเตมาลาเยือนประเทศไทย

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ธ.ค. 2562

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,325 view
นาง Sandra Erica Jovel Polanco รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐกัวเตมาลาจะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๗-๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ โดยจะเป็นการเยือนไทยระดับสูงครั้งแรกของฝ่ายกัวเตมาลาในรอบกว่า ๖๐ ปีนับตั้งแต่ไทยกับกัวเตมาลาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๐๐
 
การเยือนไทยดังกล่าวเพื่อกระชับความสัมพันธ์และกำหนดทิศทางความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับโอกาสที่กัวเตมาลากลับมาเปิดสถานเอกอัครราชทูตกัวเตมาลาประจำประเทศไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๒ ภายหลังจากที่ได้ปิดทำการไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ หรือเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัวเตมาลาจะเป็นประธานในพิธีเปิดสถานเอกอัครราชทูตกัวเตมาลาประจำประเทศไทย ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ โดยนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมพิธีดังกล่าว
 
การเยือนครั้งนี้ยังสืบเนื่องจากการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายซึ่งได้พบกันครั้งแรกในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๔ ณ นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๖๒ อีกทั้งเป็นการยืนยันท่าทีของรัฐบาลกัวเตมาลาชุดปัจจุบันซึ่งเน้นการขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกับเอเชียและอาเซียน โดยเฉพาะกับประเทศไทย
 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยและกัวเตมาลามีกำหนดจะหารือเกี่ยวกับแนวทางกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน ปัจจุบันมูลค่าการค้ารวมของสองฝ่ายอยู่ที่ ๑๒๑.๑๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกหลักของไทยไปยังกัวเตมาลา ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วน ยานยนต์ และยางพารา ส่วนสินค้านำเข้าหลักจากกัวเตมาลา ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช และกาแฟ ทั้งนี้ โดยที่กัวเตมาลามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอเมริกากลาง และเป็นสมาชิกสำคัญของกลุ่ม Central American Common Market และ Northern Triangle of Central America (กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ ฮอนดูรัส) จึงมีศักยภาพที่จะเป็นช่องทางการค้าและการขยายธุรกิจของไทยเข้าสู่ภูมิภาคดังกล่าว