เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๗.๒๖ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะอุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทยเสด็จพระราชดำเนินไปยังวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทรงเป็นประธานในงานปาฐกถา “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร” เกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๙ จัดโดยสภากาชาดไทยร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยมี ดร. ฮัสซัน วิรายูดา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการทูตด้านมนุษยธรรม และการสร้างสันติภาพ โดยเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์กับแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร ซึ่งนำไปสู่การลงนามข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายมะนิลา และยังเป็นหัวหน้าคณะเจรจาระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซียกับขบวนการอาเจะฮ์เสรี ขั้นที่ ๑ (๒๕๔๒-๒๕๔๓) เป็นผู้แสดงปาฐกถาในหัวข้อ “กระบวนการสันติภาพอาเจะฮ์ (ค.ศ. ๑๙๙๙-๒๐๐๕) : กุญแจสำคัญสู่ทางออกที่ยั่งยืน”
สาระสำคัญของการแสดงปาฐกถากล่าวถึง มูลเหตุของความขัดแย้งในอาเจะฮ์ และปัจจัยและทัศนคติต่าง ๆ ของสังคมอินโดนีเซีย ณ ขณะนั้น ซึ่งประกอบด้วย (๑) การที่รัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนั้น เปิดรับความคิดเห็นใหม่ ๆ ที่แตกต่าง และมีพัฒนาการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น (๒) การให้ความเห็นอกเห็นใจฝ่ายตรงข้ามที่เป็นชาวอินโดนีเซียเช่นเดียวกัน โดยไม่แบ่งเขาแบ่งเรา (๓) การไม่ทอดทิ้งปัญหาไว้ให้คนรุ่นหลัง ซึ่งนอกจากจะทำให้สถานการณ์รุนแรงและสลับซับซ้อนยิ่งขึ้นแล้ว ยังอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ไม่หวังดี สามารถบ่อนทำลายหรือชักจูงให้ประชาชนเกิดความหลงผิด และนำไปสู่ความยากลำบากยิ่งขึ้นในการเจรจาหาทางออก สิ่งเหล่านี้เองทำให้สังคมของอินโดนีเซียมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาเพื่อนำไปสู่ทางออกที่ยั่งยืนสำหรับความขัดแย้งในอาเจะฮ์
สภากาชาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดปาฐกถา “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร” มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ และได้จัดต่อเนื่องกันมาทุก ๆ ๒ ปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศต่อสาธารณชนและหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ผู้เข้าร่วมงานปาฐกถาฯ ได้แก่ ผู้แทนส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไทย คณะทูตานุทูต องค์การระหว่างประเทศ องค์กรเอกชน นักวิชาการ คณาจารย์และนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ รวมประมาณ ๓๐๐ คน