สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย จัดสัมมนาในหัวข้อ “Cooperation in economic, trade, investment, and tourism between the Kingdom of Thailand and the State of Bahia”

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย จัดสัมมนาในหัวข้อ “Cooperation in economic, trade, investment, and tourism between the Kingdom of Thailand and the State of Bahia”

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 เม.ย. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 6,688 view

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2564 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย และทีมประเทศไทยได้จัดสัมมนาในหัวข้อ “Cooperation in economic, trade, investment, and tourism between the Kingdom of Thailand and the State of Bahia” ในรูปแบบ hybrid โดยมีทั้งการสัมมนาแบบ face to face ที่มีผู้แทน the Federation of Industry of the State of Bahia (FIEB) และ the Federation of Commerce of Goods, Services and Tourism of the State of Bahia (Fecomércio-BA)เข้าร่วมที่โรงแรม Fera Palace Hotel เมือง Salvador รัฐ Bahia และได้เปิด webinar ให้ผู้ที่สนใจอื่น ๆ เข้าร่วมการสัมมนาได้ ทั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและส่งเสริมความร่วมมือในอนาคตระหว่างประไทยกับรัฐ Bahia ในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยมีนักธุรกิจบราซิลจากหลายภาคส่วนที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาทั้งสิ้น 15 คน

ในการสัมมนาดังกล่าว นางสาวนิธิวดี มานิตกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย ได้กล่าวเปิดงานสัมมนา และกล่าวถึงสาเหตุที่เลือกมาดำเนินโครงการจัดสัมมนาส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวไทยที่รัฐ Bahia เพราะประเทศไทยและรัฐ Bahia มีความเหมือนกันคือเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว และการที่ Minor International group ได้มาลงทุนโรงแรม Tivoli Ecoresort ที่รัฐ Bahia สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของรัฐ Bahia ได้เป็นอย่างดี  ซึ่งอาจขยายความร่วมมือสาขาอื่นๆในอนาคต นอกจากนี้ ภาพรวมความสัมพันธ์ทางการค้า ในปี 2563 ประเทศไทยมีการนำเข้าถั่วเหลืองจากรัฐ Bahia มีมูลค่ากว่า 36.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับบาเฮียและไทยกับบราซิลในภาพรวมเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าที่รัฐ Bahia นำเข้าจากไทยเป็นหลัก คือ สินค้าอุตสาหกรรม  

โดยเอกอัครราชทูตฯ ได้นำเสนอสินค้าข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพของไทยที่ทั้งบราซิลและรัฐ Bahia ควรนำเข้ามายังบราซิลและสามารถเข้ากับอาหารของรัฐ Bahia ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ รวมไปถึงรัฐ Bahia ขยายตัวมากขึ้น ในด้านการลงทุน เอกอัครราชทูตฯ แสดงความเห็นว่า การลงทุนในด้านการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำและชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์สามารถเป็นโอกาสทางธุรกิจของไทยในรัฐ Bahia ได้เพราะได้มีการตั้งธุรกิจในรัฐอื่นแล้ว ส่วนโอกาสในการลงทุนในไทยของนักลงทุนต่างชาติ เอกอัครราชทูตฯ ได้เน้นย้ำว่าประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของทวีปเอเชียและเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้น เอกอัครราชทูตฯ ยังได้ให้ข้อมูลการจัดอันดับของประเทศไทยที่โดดเด่นในระดับโลกซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เอื้อส่งเสริมการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนพิเศษ และให้ความสำคัญในสาขาการลงทุนในอุตสาหกรรมที่บราซิลให้ความสนใจ เช่น การเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ และธุรกิจการบิน เป็นต้น
ลำดับต่อมา นายศักดา สินสุกใส ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซาเปาโล ได้บรรยายให้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้าของไทยกับนานาชาติ ซึ่งในปี 2563 มีมูลค่าการค้าทั้งหมด 4.38 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการส่งออกอยูที่ 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 2.06 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการค้าของไทยกับบราซิล ในปี 2563 บราซิลเป็นคู่ค้าของไทยในอันดับที่ 24 และเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคลาตินอเมริกา มูลค่าการค้าระหว่างไทยและบราซิลอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 0.4 มูลค่าการส่งออกของไทยมายังบราซิลอยู่ที่ 1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงร้อยละ 10.57 และมูลค่าการนำเข้าจากบราซิลอยู่ที่ 2.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังได้แนะนำภารกิจของสำนักงานส่งเสริมการค้าฯ พร้อมทั้งช่องทางในการติดต่อสำหรับผู้ที่ต้องการประสานงานไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านการค้า และการทำ business matching รวมทั้งข้อมูลและปฏิทินการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าของไทย

ขณะเดียวกัน นาย Jefferson Santos ผู้แทนด้านการตลาดจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลอสแอนเจลิส ได้บรรยายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งในด้านสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะของไทย การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นและเป็นมิตรจากของคนไทย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยของตนเอง รวมทั้งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยในขณะนี้อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ตลอดจนการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยเพื่อจูงใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นอกจากนั้น ภายหลังเสร็จสิ้นงานสัมมนา เอกอัคราชทูตฯ ได้พูดคุยหารือกับผู้แทน FIEB และ Fecomercio-BA ที่เข้าร่วมงานสัมมนา พร้อมทั้งได้ฝากขนมไทย ประกอบด้วยเม็ดขนุน และครองแครงกรอบ ให้แก่สมาชิก FIEB และ Fecomercio-BA เพื่อเป็นการแนะนำขนมไทยและอาหารไทยด้วย

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ