เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ นายอสิ ม้ามณี อธิบดีกรมยุโรป เป็นประธานร่วมในการประชุม Political Consultations ไทย-สเปน ครั้งที่ ๕ ร่วมกับนายฆาบิเอร์ ซาลิโด ออร์ติซ (Mr. Javier Salido Ortiz) อธิบดีกรมอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันออก เอเชียและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศ สหภาพยุโรปและความร่วมมือสเปน ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด และสถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

ทั้งสองฝ่ายได้ติดตามพัฒนาการของความร่วมมือไทย-สเปน และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการกระชับความร่วมมือระหว่างกันที่เป็นรูปธรรมในหลากหลายด้าน อาทิ การค้าและการลงทุน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม พลังงาน การเกษตร การศึกษา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และความร่วมมือด้านกงสุล นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านคมนาคม พลังงาน และการบริหารจัดการน้ำ โดยตระหนักถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการยกระดับความเชื่อมโยงระหว่างกัน ภายใต้ตัวแบบเศรษฐกิจ BCG ของไทยกับยุทธศาสตร์ Foreign Action Strategy ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๔ ของสเปน

ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมยุโรปได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะผู้แทนสเปน และได้หารือเพิ่มเติมในประเด็นระดับภูมิภาคและในระดับโลก อาทิ ความร่วมมือในกรอบอาเซียน การเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป อินโด-แปซิฟิก สถานการณ์ความขัดแย้งรัสซีย-ยูเครน สถานการณ์ในเมียนมา ทั้งนี้ ฝ่ายสเปนได้แจ้งประเด็นที่จะให้ความสำคัญในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปในช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๖ ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางพลังงาน การพึ่งพาตนเองอย่างมีกลยุทธ์ (strategic autonomy) และการเปลี่ยนผ่านสีเขียว (green transition) ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นที่ได้หารือร่วมกันในช่วงเช้า

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๖ ฝ่ายสเปนยังได้เข้าร่วมงาน Thailand-Spain Forum ครั้งที่ ๑ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ในภาคเอกชนและประชาสังคมระหว่างไทยกับสเปน ผ่านการจัดการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการ ในลักษณะ track 1.5 ร่วมจัดโดยสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ และศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ (ISC) ร่วมกับสถาบัน Casa Asia ของสเปน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด และสถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย ถือเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมเสวนาเกี่ยวกับพัฒนาการในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนด้านภาษาและวัฒนธรรม

ทั้งนี้ ปี ๒๕๖๖ เป็นปีครบรอบ ๑๕๓ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ