ผลการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๓๐ น. ผ่านการถ่ายทอดสด Facebook Live
จากกระทรวงการต่างประเทศ
๑. การเดินทางของคนไทยและต่างชาติเข้าประเทศไทยจากสหราชอาณาจักร
- ตามที่ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนไปเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับมาตรการต่อผู้ที่เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ กลายพันธุ์ กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีมาตรการที่เข้มงวดในการคัดกรองโรคตั้งแต่ต้นทาง จึงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมต่อ ผู้ที่มาจากสหราชอาณาจักร
- อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำว่าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยจะต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าปลอดเชื้อโควิด-๑๙ และผู้เดินทางทุกคนต้องเข้ากักกันโรคเป็นเวลา ๑๔ วัน ซึ่งเป็นมาตรการการควบคุมโรคที่มีความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูง
- สำหรับมาตรการสำหรับคนไทยที่จะเดินทางมากจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ ได้มีมติให้กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศที่มีความเสี่ยง สามารถเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากผู้เดินทางได้ เช่น เอกสารแสดงผลการตรวจเชื้อโควิด-๑๙ ถ้าจำเป็น
- ประเด็นการให้ผู้เดินทางตรวจเชื้อโควิด-๑๙ ก่อนเดินทาง จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวผู้เดินทางและความพยายามของรัฐในการสกัดกั้นและควบคุมโรคภาพรวมด้วย กระทรวงการต่างประเทศกำชับให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทุกแห่งคงความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารประกอบการขอรับใบรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย (COE) อย่างเคร่งครัด เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด
๒. มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-๑๙ ของไทย กรณีการเดินทางเข้า-ออก จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดในภาคตะวันออก
- สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-๑๙ ซึ่งขณะนี้มี ๕ จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
- โดยที่มีสื่อมวลชนต่างประเทศบางสำนักเข้าใจคาดเคลื่อนเกี่ยวกับมาตรการที่คุมเข้มในพื้นที่ดังกล่าว และมีการคาดการณ์ว่าจะมีการ Lock down เกิดขึ้นในกลุ่มจังหวัดดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศจึงขอย้ำว่า มาตรการต่าง ๆ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง ๕ จังหวัดดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการ Lock Down
- มาตรการที่กำหนดขึ้นสำหรับพื้นที่ดังกล่าว ประกอบด้วย การปิดสถานที่เสี่ยงการตรวจ คัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด การบันทึกข้อมูลและการดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการขอความร่วมมือให้ประชาชน งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ซึ่งจะต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่
๓. นายกรัฐมนตรี สปป.ลาวมอบเหรียญตราแรงงานให้แก่รัฐบาลไทย สำหรับผลงานดีเด่นในการช่วยพัฒนาแขวงอุดมไซ
- เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ รัฐบาล สปป.ลาวได้มอบเหรียญตราแรงงาน (Cross of Labour) ให้แก่รัฐบาลไทย ผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ จากผลงานของรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแขวงอุดมไซในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา (๒๕๕๙-๒๕๖๓) อาทิ โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ (๑) โครงการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน และ (๒) โครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โครงการก่อสร้างอาคารเรียนพร้อมเฟอร์นิเจอร์และห้องน้ำให้แก่โรงเรียนมัธยมตอนต้นบ้านตาดม่วน เมืองหลง แขวงอุดมไซ
- เหรียญตราแรงงานดังกล่าว เป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ของรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูเกียรติของศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวที่นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว มอบให้รัฐบาล หน่วยงาน หรือบุคคลภายในหรือต่างประเทศ ที่มีผลงาน คุณงามความดี และอุทิศตนในการปกป้องรักษาและพัฒนา สปป.ลาว
๔. รัฐบาลติมอร์-เลสเตมอบเกียรติบัตรขอบคุณรัฐบาลไทย ผ่านกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ จากผลงานการมีส่วนร่วมขจัดความหิวโหยและการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ในวันอาหารโลกปี ๒๕๖๓
- เนื่องในวันอาหารโลก (World Food Day) ปี ๒๕๖๓ รัฐบาลติมอร์-เลสเต ได้มอบเกียรติบัตรแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลไทยที่มีส่วนร่วมในการขจัดความหิวโหย การส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร โภชนาการ และการเกษตรอย่างยั่งยืน
- รัฐบาลไทยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในติมอร์ - เลสเต ผ่านโครงการความร่วมมือ ทั้งในลักษณะทวิภาคีและความร่วมมือไตรภาคี ในการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใน ๔ หมู่บ้านนำร่อง นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีโครงการความร่วมมือด้านพัฒนาเด็กและเยาวชนตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในติมอร์-เลสเต ๒ โครงการ โดยพระองค์ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อบูรณะอาคารสภากาชาดของติมอร์-เลสเตด้วย
- โครงการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของไทยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ซึ่งไทยสามารถบรรลุเป้าหมายที่ ๑๗ ของ SDGs ด้านความร่วมมือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
๕. ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดเชื้อโควิด-๑๙ ในเกาหลีใต้ และการยกระดับมาตรการสำหรับการเดินทางเข้าเกาหลีใต้ของคนต่างชาติ
- กรณีการตรวจพบคนไทยติดเชื้อโควิด-๑๙ ในเมืองชอนัน จ.ชุงชองใต้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงโซล ๘๐ กม. สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดที่ร้านขายอาหารไทย มีรายงานล่าสุดจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ดังนี้ เกาหลีใต้ตรวจพบผู้ติดเชื้อชาวไทยในเมืองชอนันแล้วทั้งสิ้น ๑๕๒ คนผู้ติดเชื้อฯ ถูกนำไปกักตัวยังสถานกักกันโรคในเมืองต่าง ๆ ของ จ.ชุงชองเหนือ และใต้ ได้แก่ เมืองชอนัน เมืองอึมซอง เมืองชองจู เมืองฮงซอง และเมืองอาซาน รวมทั้งคนไทยอีกส่วนหนึ่งกักตัวเองอยู่ที่บ้าน โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเกาหลีใต้ได้ดูแล และติดตามอาการคนไทยทั้งหมด อย่างใกล้ชิด ในชั้นนี้ ยังไม่มีคนไทยที่มีอาการป่วยรุนแรง
- เมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๔ ทางการเกาหลีใต้ประกาศมาตรการยกระดับคัดกรองคนเข้าเมือง โดยกำหนดให้บุคคลต่างชาติทุกสัญชาติต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ โดยวิธีการ PCR Test ที่มีผลเป็นลบและมีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศ โดยต้องแสดงกับ จนท. ของสายการบินก่อนขึ้นเครื่อง และกับ จนท. หน่วยงานควบคุมโรคเมื่อเดินทางถึงเกาหลีใต้แล้ว ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้กับบุคคลที่เปลี่ยนเครื่อง (transit) ที่เกาหลีใต้
๖. ประชาสัมพันธ์รายการ Spokesman Live คุยรอบโลกกับโฆษก กต.
- ในสัปดาห์นี้แขกรับเชิญคือคุณอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจะสัมภาษณ์สดท่าน โดยจะพูดคุยกันเรื่อง "ความท้าทายของภารกิจการสื่อสารสาธารณะในช่วงโควิด-๑๙"
- โปรดติดตามรายการในวันศุกร์นี้ ๘ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. ทาง Facebook MFA Thailand รวมทั้ง Facebook ของวิทยุสราญรมย์ (Saranrom Radio)
สามารถรับชมวิดีทัศน์การแถลงย้อนหลังได้ที่นี่ >>>https://fb.watch/2Sx_UoTUGx/