สรุปการแถลงข่าว การบรรยายสรุปแก่คณะทูต
ผลการประชุมสามฝ่ายเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ไทย - กัมพูชา และประเด็นอื่น ๆ
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 30 ธันวาคม 2568 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ
- พัฒนาการล่าสุด สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และสรุปผลการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการประชุมสามฝ่ายฯ
- นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปแก่คณะทูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา โดยเฉพาะการเดินทางเยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนจาก 60 ประเทศ 1 องค์กร และ 3 องค์การระหว่างประเทศ รวม 78 คน
1.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางเยือนจีน
- เมื่อวันที่ 28 - 29 ธันวาคม 2568 รัฐมนตรีฯ เดินทางเยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพบหารือทวิภาคีกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน อีกทั้งยังได้เข้าร่วมการประชุมสามฝ่ายระหว่างไทย กัมพูชา กับจีน เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ตามคำเชิญของฝ่ายจีน ซึ่งทั้งสามฝ่ายมีข่าวสารนิเทศร่วมกันภายหลังการประชุม
- ในการหารือทวิภาคีกับฝ่ายจีน รัฐมนตรีฯ ขอบคุณจีนในบทบาทและความเข้าใจในการสนับสนุนสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาในแนวทางแบบเอเชีย (Asian Way) ซึ่งฝ่ายจีนยินดีต่อการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงผ่านการหารือทวิภาคี โดยย้ำถึงความเคารพหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน และประสงค์เป็นเพียงช่องทาง (platform) ในการสนับสนุนการดำเนินการเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างทั้งสองประเทศ
- ในการหารือไตรภาคี ทั้งสามฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ฯ ภายหลังข้อตกลงหยุดยิง แนวทางการส่งเสริมการหยุดยิงที่แท้จริงและสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างทั้งสองประเทศ การฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมทั้งความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
- ฝ่ายไทยย้ำความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับกัมพูชาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน (step-by-step) ภายหลังการหยุดยิง โดยไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพเสมอมา ทั้งยังต้องการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างรัฐบาลและประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือกันเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การลดการเผชิญหน้า การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามสแกมเมอร์ เป็นต้น เพื่อนำความปลอดภัยกลับมาสู่ประชาชนทั้งสองฝั่งให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
- ฝ่ายจีนยินดีกับไทยและกัมพูชาที่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงผ่านการหารือทวิภาคี และแสดงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการเดินหน้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม (Joint Coordinating Task Force) และกรอบความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ รวมทั้งให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝ่ายจีนจะยังคงติดต่อกับฝ่ายกัมพูชาและไทย เพื่อให้การสนับสนุนในการเสริมสร้างความยั่งยืนของการหยุดยิง เมื่อจำเป็นและเมื่อได้รับการร้องขอจากทั้งไทยและกัมพูชา
1.2 การดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ
- การประชุมสามฝ่ายระหว่างไทย กัมพูชา กับจีน ในครั้งนี้ เป็นการหารือต่อยอดจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 24 - 27 ธันวาคม 2568 ที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งในการประชุม GBC ไทยและกัมพูชาลงนามถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) เกี่ยวกับการหยุดยิง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีแถลงการณ์เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดนี้แล้ว
- การหยุดยิงได้เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2568 โดยมีการติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์เป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งครบกำหนดแล้วเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันนี้ (30 ธันวาคม 2568)
- ในช่วงที่ผ่านมา ไทยปฏิบัติตาม Joint Statement อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฎว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจพบโดรนกัมพูชาบินล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย ซึ่งเข้าข่ายการละเมิดถ้อยแถลงร่วมฯ ข้อ 6 ที่กำหนดให้ละเว้นจากการดำเนินการยั่วยุใด ๆ รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารที่รุกล้ำเขตน่านฟ้า ดินแดน หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย
- ฝ่ายไทยจึงกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ซึ่งทราบว่า ได้มีการสื่อสารระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่ายโดยตรงแล้ว เป็นไปตามข้อ 14 ของถ้อยแถลงร่วมฯ และกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้ออกประกาศห้ามการบินโดรนในประเทศ โดยเฉพาะบริเวณตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาแล้ว ทั้งนี้ วันและเวลาในการปล่อยตัวขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายความมั่นคง
1.3 การดำเนินการขั้นต่อไป
- ไทยและกัมพูชาจะต้องเคารพและปฏิบัติตาม Joint Statement อย่างเคร่งครัดต่อไป โดยมี roadmap ที่จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรวมถึงเรื่องการร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย
- สำหรับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ ทั้งก่อนการลงนามถ้อยแถลงร่วมฯ เพียงไม่นานและหลังการลงนาม 2 วัน กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยฝ่ายไทย ในฐานะที่เป็นรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา จะรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ โดยละเอียด เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามกรอบการปฏิบัติถ้อยแถลงร่วมฯ และมีหนังสือประท้วงถึงกัมพูชา รวมถึงจะดำเนินการตามกลไกของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างถึงที่สุด
- จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า ยังมีทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาติดตั้งใหม่ไว้ในพื้นที่ชายแดนอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่ฝ่ายไทยเข้าควบคุมก่อนมีการลงนามถ้อยแถลงร่วมฯ และเมื่อใดที่มีเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องยื่นเรื่องประท้วง ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสากลและเป็นการแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการของไทยที่มีผลในเชิงกฎหมายและและมีผลทางการทูตอย่างชัดเจน เป็นหลักฐานสำคัญในระบบกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการรักษาความชอบธรรมและการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของไทยในระยะยาว
- สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือ การให้ประชาชนสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองในการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่ เพื่อความมั่นใจของประชาชน
- การลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
- สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกพร้อมจัดการเลือกตั้งให้คนไทยในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน มีคนไทยอาศัยอยู่ในต่างประเทศกว่า 1.5 ล้านคน โดยกระทรวงฯ เปิดให้ชุมชนไทยทีี่อาศัยอยู่ในประเทศต่าง ๆ ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568 และจะปิดการลงทะเบียนในวันที่ 5 มกราคม 2569 กระทรวงฯ จึงขอเชิญชวนคนไทยในต่างประเทศร่วมลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร โดยหากไม่ได้ลงทะเบียนภายในช่วงเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้ประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อรณรงค์การลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในพื้นที่ที่มีคนไทยพำนักอาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอิสราเอล โดยจัดเจ้าหน้าที่เดินทางไปให้ข้อมูลและซักซ้อมขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้รับทราบโดยทั่วกัน
- สำหรับคนไทยในต่างแดนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน กระทรวงฯ ขอเชิญชวนให้ download แอปพลิเคชัน Thai Consular ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หรือ download แอปพลิเคชัน Smart Vote ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/ ของกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 5 มกราคม 2569 เวลา 23.59 น. (เวลาประเทศไทย)
- ของขวัญปีใหม่จากกระทรวงการต่างประเทศ
- เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2569 กระทรวงฯ ขอส่งความปรารถนาดีไปยังคนไทยทุกคน ทั้งในไทยและต่างประเทศ กระทรวงฯ เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ ในรูปแบบของการอำนวยความสะดวกในการทำหนังสือเดินทาง บัตรประชาชน และนิติกรณ์ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ดังนี้
(1) การให้บริการหนังสือเดินทางด่วน (ทำเช้า - รับบ่าย) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมบริการด่วน ระหว่างวันที่ 5 - 16 มกราคม 2569 ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ จำนวน 100 เล่มต่อวัน ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวทั่วประเทศ โดยขอให้รับเล่มที่กรมการกงสุล
(2) การให้บริการกงสุลสัญจร “ของขวัญตลอดปี” เพื่อให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ในพื้นที่จังหวัดที่ไม่มีสาขาสำนักงานหนังสือเดินทางตั้งอยู่ ทั่วประเทศ รวม 12 ครั้ง ตลอดปี 2569 (โดยเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง)
(3) การให้บริการนิติกรณ์เอกสารด่วน (ทำเช้า – รับบ่าย) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมบริการด่วน ระหว่างวันที่ 5 - 16 มกราคม 2569 ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ จำกัดคนละ 1 เอกสาร โดยต้องเป็นเอกสารของตนเองหรือบุคคลในครอบครัวเท่านั้น ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ฝ่ายสัญชาติและนิติกรณ์ และที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวภูเก็ต เชียงใหม่ สงขลา อุบลราชธานี และพัทยา
(4) การบริการรถทะเบียนเคลื่อนที่ของ กทม. ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ โดยกรมการกงสุลร่วมกับกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 5 - 16 มกราคม 2569 ให้บริการทำบัตรประชาชนใหม่ และคัดสำเนาเอกสารทะเบียนราษฎรภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 3 ประเภท ได้แก่ รายการทะเบียนบ้าน (ทร.14/1) สูติบัตร และมรณบัตร
- สุดท้ายนี้ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2569 กระทรวงการต่างประเทศขอส่งความปรารถนาดีไปยังประชาชนไทยและสื่อมวลชนทุกคน ขออวยพรให้ทุกคนและครอบครัวมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ประสบแต่ความสุขและความเจริญตลอดปีใหม่
- กระทรวงการต่างประเทศจะยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจด้านการทูต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ การปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ตลอดจนความปลอดภัยของประชาชนไทยทั้งในและต่างประเทศ
สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://fb.watch/Ejr_1eP7Af/