สรุปการแถลงข่าวในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

สรุปการแถลงข่าวในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ต.ค. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 10 ต.ค. 2566

| 6,518 view

สรุปการแถลงข่าวในประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล

โดยนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น.

ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ

 

  • อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า จะมีแถลงข่าว ๒ ครั้งต่อวัน ตามที่ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) สั่งการ เวลา ๑๑.๐๐ น. และ ๑๕.๓๐ น. (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาได้ตามสถานการณ์)
  • นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ต่อสายโทรศัพท์เข้ามาร่วมแถลงข่าวด้วย

 

. พัฒนาการของสถานการณ์

  • สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่า สถานการณ์ในอิสราเอลยังคงรุนแรง มีการโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันที่ผ่านมา รัศมีการโจมตีขยายวงจากรอบฉนวนกาซาไปยังกรุงเทลอาวีฟและเมืองโดยรอบ และนครเยรูซาเล็ม ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่มีรัศมีกว้างและมุ่งเป้าทำลายระบบโครงสร้างพื้นฐานของอิสราเอลอย่างเด่นชัด ในขณะที่กองทัพอิสราเอลก็ได้ทำการโจมตีฝ่ายตรงข้ามและตัดน้ำตัดไฟบริเวณฉนวนกาซาเช่นกัน
  • กองทัพอิสราเอลประกาศว่า สามารถกระชับพื้นที่ในเขตเมืองต่าง ๆ ได้สำเร็จ และได้อพยพคนออกจากเมืองรอบฉนวนกาซาได้แล้ว ๑๕ จากทั้งหมด ๒๔ เมือง แต่อาจยังมีผู้ก่อการร้ายหลงเหลือในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการเรียกกำลังสำรองมากกว่า ๓๐๐.๐๐๐ คน ซึ่งถือเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล
  • ทางการอิสราเอลยืนยัน จะช่วยเหลือและดูแลคนทุกชาติในอิสราเอลอย่างเท่าเทียมและเต็มที่

. ความคืบหน้าและผลกระทบต่อคนไทยในพื้นที่

  • สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากนายจ้างในพื้นที่ว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก ๖ ราย รวมเสียชีวิต ๑๘ ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอล ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บคนไทยยังคงเป็น ๙ ราย ตามที่รายงานเมื่อวานนี้ (๘ ต.ค.)
  • กองทัพอิสราเอล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันอพยพแรงงานไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุดจากบริเวณไม่เกิน ๔ กิโลเมตรรอบฉนวนกาซา โดยคนไทยเป็นส่วนหนึ่งในหลายร้อยคนจากทุกชาติที่ได้รับการเคลื่อนย้ายให้ไปพักอาศัยและทำงานในพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สนับสนุนการแจ้งที่อยู่ของแรงงานที่ขอความช่วยเหลืออพยพให้ทางการอิสราเอลทราบด้วย
  • ตำรวจอิสราเอลร่วมมือกับองค์กรเอกชนจะใช้เทคโนโลยี cyber จดจำใบหน้าในการค้นหาและติดตามผู้สูญหายและผู้ที่ติดต่อไม่ได้ สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างสนับสนุนการจัดส่งรายชื่อผู้ที่ญาติไม่สามารถติดต่อได้
  • นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตหลายแห่งในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ติดต่อฝ่ายปาเลสไตน์และกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่าง ๆเพื่อแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลและขอให้สนับสนุนการช่วยเหลือคนไทยด้วยแล้ว
  • เมื่อช่วงค่ำของวันที่ ๙ ต.ค. ๒๕๖๖ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้และให้คำมั่นที่จะดูแลคนไทยในอิสราเอลอย่างดีที่สุด อีกทั้งแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้จบลงได้ ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้แจ้งว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับชาวไทยที่อยู่ในอิสราเอล ขอให้อิสราเอลทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องคนไทย ให้ปลอดภัย และเร่งให้การช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด อีกทั้งขอให้ทางการอิสราเอลตรวจสอบและยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บชาวไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสแรก

. การดำเนินการของทางการไทย

  • สถานเอกอัครราชทูตฯ จะส่งแรงงานไทยครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๕ คน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาจนสามารถเดินทางได้ ๔ คน และแรงงานไทยที่ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ๑๑ คน รวมเป็น ๑๕ คน โดยเครื่องบินพาณิชย์ กลับ ปทท. ในวันที่ ๑๑ ต.ค. ๖๖ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ เวลา ๒๑.๔๕ น. โดยสายการบิน Israel Airlines (เที่ยวบินที่ LY083) และถึงกรุงเทพฯ ๑๒ ต.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๓๕ น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
  • สถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังจัดเที่ยวบินอพยพแรงงานไทยเพิ่มเติม ซึ่งเที่ยวต่อไปน่าจะมีขึ้นในวันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๖๖ จำนวน ๘๐ ที่นั่ง
  • เมื่อวันที่ ๙ ต.ค. ๒๕๖๖ มีผู้แจ้งความประสงค์จะขอขึ้นเครื่องบินอพยพเพื่อเดินทางกลับไทยแล้วจำนวน ๓,๒๒๖ คน
  • ตามรายงานข่าวจากแหล่งข่าวต่าง ๆ มีประเทศที่เริ่มอพยพคนออกจากอิสราเอลแล้ว ทั้งโดยเครื่องบินทหาร เครื่องบินรัฐบาล เครื่องบินประจำชาติ และเครื่องบินพาณิชย์ ประเทศที่ดำเนินเสร็จสิ้นแล้ว อาทิ กรีซ โรมาเนีย ฮังการี เซอร์เลีย บัลแกเรีย อัลบาเนีย และโคโซโว ประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากไทย ได้แก่ โปแลนด์ บราซิล และชิลี
  • กระทรวงการต่างประเทศจะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปสนับสนุนการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูตฯ เพิ่มเติมในวันนี้

๔. ข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

  • เอกอัครราชทูตฯ แสดงความเสียใจกับผู้ประสบความสูญเสียและญาติพี่น้อง สอท. มิได้นิ่งนอนใจ ระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยทุกคนในอิสราเอล แต่โดยที่ขณะนี้เป็นภาวะสงครามและทางการอิสราเอลมีการแบ่งโซนพื้นที่ตามระดับความอันตราย โดยเฉพาะบริเวณใกล้ฉนวนกาซา ดังนั้น ทางการอิสราเอลจึงสามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ทีละโซนพื้นที่
  • สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดให้มีการลงทะเบียนผู้แสดงความประสงค์กลับไทยและได้มีโทรศัพท์ Hotline ให้ติดต่อ ซึ่งมีสายเข้ามาตลอดเวลา จึงจะเพิ่มคู่สายให้อีก สำหรับการอพยพจำเป็นจะต้องจัดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดได้เดินทางก่อน
  • สำหรับการอพยพครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๑๑ ต.ค. ๒๕๖๖ แรงงานไทย ๑๕ คนจะมีรถสถานเอกอัครราชทูตฯ ไปรับส่วนหนึ่งและนายจ้างพามาส่งส่วนหนึ่ง โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะเตรียมให้บริการออกเอกสารการเดินทางให้แรงงานที่ท่าอากาศยานในกรุงเทลอาวีฟด้วย กรณีหนังสือเดินทางสูญหาย
  • สำหรับการอพยพครั้งต่อไป ในวันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๖๖ จำนวน ๘๐ ที่นั่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างการติดต่อกลับทุกคนที่ลงทะเบียนแสดงความประสงค์จะกลับไทย เพื่อขอข้อมูลในการสำรองบัตรโดยสารและเตรียมการที่เกี่ยวข้อง
  • ในเรื่องของตัวประกัน ทุกฝ่ายมิได้นิ่งนอนใจ ประสานอย่างต่อเนื่อง มีคนอิสราเอลและคนชาติต่าง ๆ ถูกจับ ทางการอิสราเอลยืนยันจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม
  • สถานเอกอัครราชทูตฯ ดูแลทั้งแรงงานถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย สำหรับข่าวที่ว่า มีการบังคับให้แรงงานทำงานทั้งที่สถานการณ์ยังตึงเครียด หรือขายแรงงานต่อให้นายจ้าง เอกอัครราชทูตฯ ได้ติดต่อทางการอิสราเอลแล้ว เข้าใจว่า เป็นการย้ายงานจากพื้นที่เสี่ยงภัยมาทำงานในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งฝ่ายอิสราเอลให้เข้าใจว่าควรต้องมีช่วงพัก เนื่องจากได้รับความกดดันจากสถานการณ์
  • ต่อข้อซักถามว่า มีแผนจะดำเนินการอย่างไรต่อร่างผู้เสียชีวิต เอกอัครราชทูตฯ แจ้งว่า ทางการอิสราเอลให้ความสำคัญกับการดำเนินการดูแลความปลอดภัยของสถานการณ์ก่อน และตามปกติ กระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตใช้เวลามาก แต่จะเป็นประโยชน์ต่อการที่ทางการอิสราเอลจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้วยดีต่อไป

ช่องทางติดต่อ

  • สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หมายเลขโทรศัพท์ +972 546368150
  • Call center กรมการกงสุล หมายเลขโทรศัพท์ 02 5728442 (ตลอด 24 ชม.)
  • กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 064-019-8530 064-019-8907 099-616-4786 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02 5751047-51 02 575 1053 (ในวันเวลาราชการ)
  • Line Openchat ชื่อ ‘ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล’
  • Facebook Page เฉพาะกิจชื่อ ‘กรมการกงสุลห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล’ แจ้งข้อมูลข่าวสาร

 

* * * * *

กองการสื่อมวลชน 

กรมสารนิเทศ

รับชมการแถลงข่าวย้อนหลัง : https://fb.watch/nAxurX8L-m/?mibextid=Iprqdp

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ