เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม นางสาวนิธิวดี มานิตกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโลได้เข้าร่วมงานพบปะหารือประจำปีระหว่างเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศอาเซียนกับเอกอัครราชทูตอาเซียนประจำนอร์เวย์ รวมทั้งข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ และภาคเอกชนนอร์เวย์ จัดโดย Singapore-Norway Chamber of Commerce โดยมีนาย Andreas Motzfeldt Kravik รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประทศนอร์เวย์เป็นแขกเกียรติยศ และเอกอัครราชทูตนิธิวดีฯ ได้รับเชิญให้กล่าวในฐานะเอกอัครราชทูตไทย หนึ่งใน 5 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นผู้ก่อตั้ง
เอกอัครราชทูตนิธิวดีฯ กล่าวถึงวิสัยทัศน์กว้างไกลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยุคดังกล่าวที่ทำให้อาเซียนเข้มแข็งทุกวันนี้ และขยายสมาชิกจาก 5 ชาติก่อตั้ง ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์จนครบ 11 ประเทศเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิเศรษฐศาสตร์ทำให้ประเทศระดับเล็กหรือระดับกลางต้องเป็นพันธมิตรกัน เพื่อเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีตอบโต้การค้ามีผลกับทุกประเทศ ประเทศไทยโชคดีที่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาชิกประเทศแอฟต้า ซึ่งรวมทั้งนอร์เวย์ ซึ่งจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนของประเทศทั้งสอง ซึ่งปัจจุบันไม่เพียงแต่บริษัทนอร์เวย์ลงทุนในไทยแต่ไทยมาลงทุนในนอร์เวย์ เช่น บริษัท Thai Union Group ลงทุนในบริษัทผลิตปลาในกระป๋องชื่อ King Oscar เป็นต้น
ต่อจากนั้น เอกอัครราชทูตนิธิวดีฯ ได้กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมา ไทยยืนยันความมุ่งมั่นปฏิบัติตามการหยุดยิงและประณามการโจมตีที่ไม่เลือกปฏิบัติของกัมพูชาซึ่งได้สร้างความสูญเสียและเสียหายต่อประชาชน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาที่ทำให้ทหารไทยที่อยู่ระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ของไทยได้รับบาดเจ็บและพิการ โดยการวางทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นการละเมิดพื้นที่อธิปไตยของไทยและหลักบูรณภาพแห่งดินแดน และเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาออตตาวา ไทยขอเรียกร้องให้นอร์เวย์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านการเก็บทุ่นระเบิดแก่กัมพูชา พิจารณาทบทวนการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว และขอให้กัมพูชาร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามชายแดนไทย-กัมพูชาด้วย