นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเกี่ยวกับความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก (Ministerial Forum for Cooperation in the Indo-Pacific) โดยฝรั่งเศสในฐานะประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (Presidency of the Council of the EU) ในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นเจ้าภาพ

การประชุมฯ จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมรัฐมนตรีในกรุงปารีส โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนระดับสูง เข้าร่วมทั้งหมด ๕๖ ประเทศ ประกอบด้วยประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้แก่ เอเชีย อาเซียน ออสเตรเลีย ประเทศชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย (แอฟริกา และเอเชียใต้) และประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้

ในช่วงการประชุมฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าร่วมการเสวนาโต๊ะกลมรายสาขา ในเวทีประเด็นระหว่างประเทศ
(การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาสมุทร ความหลากหลายทางชีวภาพ สาธารณสุข) และได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ของไทย (เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)) ในการรับมือกับประเด็นท้าทายระดับโลก เพื่อความเจริญที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยเน้นว่า BCG เป็นแนวทางที่จะรักษาความสมดุลระหว่างการส่งเสริมความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อคงระบบนิเวศและความมั่นคงมนุษย์ นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงบทบาทไทยในฐานะเจ้าภาพเอเปคในปีนี้ ภายใต้แนวคิด Open. Connect. Balance. ที่พร้อมที่จะร่วมมือกับ ๒๑ เขตเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมความเติบโตสีเขียวโดยใช้หลักการ BCG (whole of BCG) เป็นเข็มทิศ      

ในวันเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมลงนามในแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส
(ค.ศ. ๒๐๒๒ - ๒๐๒๔) กับนายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง (Jean-Yves Le Drian) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศฝรั่งเศส เพื่อยกระดับ
ความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสภายในปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนผลประโยชน์ของไทยทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือความร่วมมือทวิภาคี โดยไทยได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่บริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน ๔๐๐,๑๔๐ โดส ซึ่งคาดว่าจะจัดส่งไปยังประเทศไทยในเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ และไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสในการเจรจาความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน และการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในภูมิภาค อาทิ สถานการณ์ในเมียนมา และสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนยูเครน-รัสเซีย

การเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จด้วยดีในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับฝรั่งเศส และผลักดันบทบาทไทยในเวทีความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก โดยเป็นการเยือนประเทศในสหภาพยุโรปประเทศแรก นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-๑๙ คลี่คลายลง โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสครั้งล่าสุดร่วมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๖๑