รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานร่วมในการประชุมการปรึกษาหารือทางการเมืองไทย - บราซิล ครั้งที่ 4

รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานร่วมในการประชุมการปรึกษาหารือทางการเมืองไทย - บราซิล ครั้งที่ 4

วันที่นำเข้าข้อมูล 20 ต.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 20 ต.ค. 2568

| 112 view

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 นางศิริลักษณ์ นิยม รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมกับนาง Susan Kleebank รองปลัดด้านเอเชีย-แปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ในการประชุมการปรึกษาหารือทางการเมืองระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล (Meeting of Political Consultations between Thailand and Brazil) ครั้งที่ 4 ที่กระทรวงฯ โดยมีนางหัทยา คูสกุล อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งนาย Matias A.S. Vilhena อุปทูตรักษาการชั่วคราว สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในหลายมิติ ได้แก่ การเมือง ความมั่นคง การค้าและการลงทุน การเกษตร พลังงานทดแทน การแลกเปลี่ยนระดับประชาชน รวมถึงการฟื้นฟูพลวัตความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งในระดับทวิภาคีและไตรภาคี และความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งยังแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ในประเทศและภูมิภาค รวมทั้งสถานการณ์ไทย - กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนและการหารือระดับสูงระหว่างกันมากขึ้น เร่งรัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการทหาร รวมทั้งความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจไทยกับบราซิลเพื่อร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งการหลอกลวงทางออนไลน์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนของภาคเอกชนและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ โดยฝ่ายไทยได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย อาทิ มวยไทย ภาพยนตร์ และซีรีส์ไทย โดยเฉพาะแนว Boys’ Love (BL) และ Girls’ Love (GL) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในบราซิล

ไทยและบราซิลมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและฉันมิตรตลอด 66 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 2502 โดยบราซิลเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ในปี 2567 มูลค่าการค้ารวมของทั้งสองฝ่าย 6,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.69 จากปีก่อน)

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ