เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ได้เข้าร่วมเสวนาในงาน “กิจกรรมผนึกความร่วมมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ ประจำปี ๒๕๕๗ (TCEB Dinner Talk 2014)” เพื่อจุดประกายความร่วมมือในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างเป็นบูรณาการระหว่างทุกภาคส่วน

งาน TCEB Dinner Talk 2014 เป็นการขอบคุณและพบปะกันระหว่างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจส่งเสริมอุตสาหกรรมการจัดประชุมและแสดงสินค้า (Meeting, Incentives, Conferencing, Exhibitions - MICE) ในประเทศไทยร่วมกับสำนักงานส่งเสริม การจัดการประชุมและนิทรรศการ (Thailand Convention and Exhibition Bureau - TCEB) มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกรมการกงสุล กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสมาคมภาคธุรกิจเอกชนต่างๆ จากภาคส่วนการท่องเที่ยว การโรงแรม และสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการชี้แจงและสร้างความเข้าใจกับต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง ประเทศที่เคยมีปฏิกิริยาต่อต้านเหตุการณ์วันที่ ๒๒ พฤษภาคมก็ได้มีท่าทีที่ผ่อนคลายลงหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย  ก็พร้อมที่จะเดินหน้าความสัมพันธ์กับไทยและสนับสนุนการดำเนินการตาม Roadmap ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นและการยอมรับในประเทศไทย นอกจากทำการชี้แจงแล้ว ประเทศไทยจะต้องสื่อ message ในเชิงรุกด้วย จึงถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของไทยทั้งหมดจำเป็นต้องร่วมมือกันทำงานอย่างบูรณาการและแข็งขันมากขึ้น เพื่อสื่อ message ของประเทศให้สอดคล้องกัน ต่อยอดซึ่งกันและกัน และให้เป็นภาพเดียวกัน โดยใช้จุดแข็งหรือปัจจัยที่เป็นบวกของไทย (positive sides) มานำเสนอ

ในส่วนการนำเสนอจุดแข็งของประเทศไทย อธิบดีกรมสารนิเทศได้กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของนานาชาติดีอยู่แล้ว คนไทยได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงในด้านการต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น ประเทศไทยมีความสะดวกสบายและความหลากหลายในการท่องเที่ยว เป็นสวรรค์ของการจับจ่ายใช้สอย มีสังคมที่เปิดกว้าง วัฒนธรรมที่ดีงาม มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆ  ดังนั้น การมี branding ที่ชัดเจนจะช่วยได้มากในการดึงการประชุม นิทรรศการ มหกรรม หรือ events ในระดับระหว่างประเทศที่สำคัญ ๆ มายังประเทศไทย เช่นการที่เราประสบความสำเร็จในการดึง Bloomberg Business Summit มาจัดในไทย หรือการแสดง “World Puppet Carnival” ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับคืนมา แสดงถึงความมั่นใจในระดับความปลอดภัย ซึ่งทุกภาคส่วนต้องช่วยกันรักษาและสนับสนุน

ทั้งสองท่านสรุปว่า ถึงเวลาที่ภาครัฐและเอกชนไทยควรจะมี theme หลักเพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่เราต้องการจะเป็น และสิ่งที่คนอื่นจะนึกถึงเมื่อเอ่ยถึงประเทศไทย โดยนึกถึงความโดดเด่นหรือความมีเอกลักษณ์ของประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละหน่วยงานของเราจัดทำ campaign มาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้น หากเราจะใช้ theme หลักว่า “Thailand at the Forefront” ก็น่าจะเป็นการสะท้อนถึงการเป็นประเทศชั้นนำในกิจกรรมนั้นๆ