สาธารณรัฐคาซัคสถาน

สาธารณรัฐคาซัคสถาน

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 ก.ค. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 24,782 view

สาธารณรัฐคาซัคสถาน
Republic of Kazakhstan

 

ข้อมูลทั่วไป

ที่ตั้ง อยู่ในเขตเอเชียกลาง ทางตอนกลางของที่ราบยูเรเซีย ระหว่างรัสเซียและอุซเบกิซสถาน โดยทิศตะวันออกติดจีน ทิศตะวันตกติดทะเลสาบแคสเปียน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดสาธารณรัฐคีร์กีซ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดเติร์กเมนิสถาน

พื้นที่ 2,717,300 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 5 เท่าของไทย และมีพื้นที่มากเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ถือได้ว่ามีขนาดประมาณยุโรปตะวันตก)

เมืองหลวง กรุงอัสตานา (Astana)

ประชากร 16.5 ล้านคน (2554)

ภูมิอากาศ ทะเลทรายแบบภาคพื้นทวีปฤดูหนาว หนาวจัด (ประมาณ -18 ถึง -30 องศาเซลเซียส) ฤดูร้อน ร้อนจัดและแห้ง (ประมาณ 20 – 35 อาศาเซลเซียส)  หมายเหตุ ล่าสุดในปี 2555 อุณหภูมิต่ำสุดในช่วงต้น ก.พ. 2555 ประมาณ -45 องศาเซลเซียส

ภาษา คาซัคเป็นภาษาราชการ (State Language) ที่มีคนใช้กว่าร้อยละ 64.4 ส่วนภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ (Official) ที่มีคนใช้กว่าร้อยละ 95

ศาสนา อิสลาม นิกายสุหนี่ร้อยละ 47 คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ร้อยละ 44 โปรแตสแตนท์ ร้อยละ 2 อื่นๆ ร้อยละ 7

ประธานาธิบดี นาย Nursultan Nazarbayev

นายกรัฐมนตรี นาย Karim A. Massimov

รมว. กต. นายเยอร์ซาน คาซิคานอฟ (Yerzhan Kazykhanov) – เมษายน 2554

การเมืองการปกครอง

คาซัคสถานมีระบบการเมืองแบบรัฐสภาโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข และเป็นผู้บัญชาการทหาร ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี 3 คน และรัฐมนตรี 16 คน ระบบการเมืองของคาซัคสถานนั้น แม้ว่าจะเป็นระบบหลายพรรค และเปิดกว้างตามระบอบประชาธิปไตย แต่พรรคการเมืองทั้งหลายไม่ได้มีบทบาทสำคัญมากนัก อำนาจในการปกครองที่แท้จริงอยู่ภายใต้ประธานาธิบดี Nursultan Nazarbayev อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งคาซัคสถานตั้งแต่สมัยโซเวียต ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถานตั้งแต่ปี 2534 ประธานาธิบดี Nazarbayev กุมอำนาจทั้งหมดโดยตลอด ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่ามีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 เพื่อกระจายอำนาจของประธานาธิบดี โดยเฉพาะการกำหนดให้ประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ วาระละ 5 ปี แต่กฎดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้กับประธานาธิบดีคนแรกซึ่งหมายถึงประธานาธิบดี Nazarbayev  (ซึ่งต่อมา ประธานาธิบดีก็ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีล่วงหน้าในเดือนเมษายน 2554 ก่อนครบการสิ้นสุดวาระใน  ปี 2555 ซึ่งประธานาธิบดี Nazarbayev ก็ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง) 

นอกจากนั้น รัฐบาลคาซัคสถานให้ความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และปฏิรูปในด้านต่างๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระบวนการเสริมสร้างประชาธิปไตย การเพิ่มบทบาทของรัฐสภา และองค์กรการปกครองท้องถิ่น โดยประธานาธิบดีได้กล่าวย้ำว่า วิธีการเสริมสร้างประชาธิปไตยในคาซัคสถานจะไม่ลอกเลียนแบบจากต่างประเทศ แต่จะเป็นวิธีการที่สะท้อนความต้องการและประโยชน์ของชาวคาซัคสถานอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องที่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การเพิ่มอำนาจของรัฐสภาที่สามารถแต่งตั้งสภารัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และคณะกรรมการตรวจสอบภายใน อันดับที่สอง คือ การเพิ่มบทบาทของพรรคการเมือง โดยพรรคการเมืองจะได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาล และสุดท้าย คือการเพิ่มจำนวนผู้แทนในสภาล่าง นอกจากนั้น รัฐบาลจะยังทบทวนระบบยุติธรรมเพื่อให้มีความเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น

ในแต่ละปีนั้น ประธานาธิบดีคาซัคสถานจะมอบนโยบายแก่ประชาชน โดยในปี 2552 นโยบายหลักที่นาย Nazarbayev มอบไว้มุ่งเน้นการจัดการวิกฤติทางเศรษฐกิจ โดยสัญญาว่าจะนำประเทศผ่านวิกฤติเศรษฐกิจดังกล่างอย่างมีศักดิ์ศรีและประสบความสำเร็จในฐานะประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรือง

ล่าสุด ในเดือนเมษายน 2554 นาย Nazabayev ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีก่อนกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของตน ซึ่งนาย Nazabayev ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างท่วมท้น และจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปจนถึงปี 2558 ซึ่งจากชัยชนะดังกล่าว นาย Nazabayev ได้ปรับคณะบริหารโดยมี นายคาริม คาสสิมอฟ เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดิม โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงการพัฒนาเศรษฐกิจการลงทุนและ การต่างประเทศให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจการผลิตของประเทศ และสถานะการณ์โลก-ปัจจุบันโดยเฉพาะเงื่อนไขการเมืองใหม่ๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ยุโรปและเอเชียสำหรับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีนั้น นาย Nazabayev ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆดังนี้

นโยบายการเมืองและความมั่นคงภายในประเทศ
คาซัคสถานยังรักษาเสถียรภาพภายในประเทศได้ดีได้ดี แม้ว่าในอดีตจะมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ เหตุการณ์สำคัญ อาทิ เหตุการณ์ Zelinnograd ในปี ค.ศ.1979 เป็นเหตุการณ์ที่วัยรุ่นชาวคาซัคออกมาแสดงการต่อต้านการแก้ปัญหาของรัฐที่จะก่อตั้งเขตการปกครองจนเองให้แก่ชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของคาซัคสถาน หรือ เหตุการณ์ Jeltoqsan ในเมือง อัลมา อาตา ความขัดแย้งและการต่อต้านชาวคาฟคาซ ณ เมืองโนวึย อูเชเนีย หรือการปะทะกันระหว่างชาวคาซัคและเชชเนีย  ณ เมืองอูซท์ – คาเมนาโกรซกา หรือ ความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ (เทนกีซ) ปี ค.ศ.2006 เป็นความขัดแย้งระหว่างชาวเติร์กและคาซัค ณ แหล่งน้ำมันเทนกีซ หรือ ความขัดแย้ง Kazakh – Uyghur  ปี ค.ศ. 2006 ณ เขตอัลมาติน หรือ ความขัดแย้งระหว่างชาวคาซัคกับเชชเนีย เดือน มีนาคม ปี ค.ศ.2007 ณ เขตอัลมาตินจากปัจจัยโครงสร้างสังคมและการเมืองภายในดังกล่าว จึงเป็นผลให้รัฐบาลคาซัคสถานมีนโยบายต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติ การใช้ความรุนแรงและการแบ่งแยกดินแดน

นโยบายต่างประเทศ
นับแต่แยกตัวจากสหภาพโซเวียตคาซัคสถานได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างและดำรงไว้ซึ่งสภาพที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงของคาซัคสถานเป็นหลัก โดยจะเห็นได้จากนโยบายที่มุ่งเน้นความเป็นกลางทางการเมืองในเวทีระหว่างประเทศ และเข้าร่วมกิจกรรมขององค์การระหว่างประเทศอย่างแข็งขัน ส่งเสริมนโยบาย Active, Multilateral and Balance foreign policy โดยให้ความสำคัญกับรัสเซีย จีน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเป็นหลัก ในขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญต่อประเทศอื่น ๆ ในเอเชียและประเทศในตะวันออกกลางด้วย โดยจะเห็นได้จากการที่คาซัคสถานพยายามขยายความสัมพันธ์มายังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเข้าเป็นสมาชิก Asia Cooperation Dialogue (ACD) และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก ASEAN Regional Forum (ARF) สำหรับองค์กรระหว่างประเทศ คาซัคสถานมุ่งที่จะเข้าเป็นสมาชิก World Trade Organization (WTO) เป็นอันดับแรก ส่วนองค์กรอื่น ๆ ที่คาซัคสถานให้ความสำคัญ ได้แก่ Shanghai Cooperation Organization (SCO), Commonwealth of Independent States (CIS), Organisation for Security and Cooperation in Europe (OSCE), Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia (CICA) และการก่อตั้ง Common Economic Space ภายในเอเชียกลาง

ทั้งนี้ ในบรรดาองค์กรระหว่างประเทศที่กล่าวมา นับได้ว่า องค์การกรอบการประชุมเพื่อการปฏิสัมพันธ์และมาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแห่งเอเชีย (CICA) เป็นองค์กรที่สำคัญของคาซัคสถาน เนื่องจากเป็นองค์กรที่ประธานาธิบดี Nazarbayev เสนอต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 47 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ปัจจุบัน ถึงแม้คาซัคสถานจะมอบตำแหน่งประธานให้ตุรกีแล้ว หาก สำนักเลขาธิการ CICA ก็ยังอยู่ที่เมืองอัลมาตี คาซัคสถาน

นอกจากนั้นแล้ว เมื่อเดือนมกราคม 2010 คาซัคสถานได้เข้ารับตำแหน่งประธานองค์การเพื่อความร่วมมือและความมั่นคงในยุโรป (OSCE) เป็นเวลา 1 ปี และในปี 2011 นี้ คาซัคสถานทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศหุ้นส่วนความร่วมมือแห่งเอเชียใน OSCE นอกจากนี้ ในปีนี้ คาซัคสถานจะดำรงตำแหน่งประธานการประชุมองค์การการประชุมอิสลาม (OIC) ในด้านอื่นๆ คาซัคสถานยังให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่ อาทิ การก่อการร้าย โรคระบาด ปัญหาสิ่งแวดล้อม ยาเสพติด และความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) เป็นต้น

เศรษฐกิจการค้า

ข้อมูลเศรษฐกิจ ปี 2555
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2554)
รายได้ประชาชาติต่อหัว ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณการปี 2554 : www.cia.gov )
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 7 (ประมาณปี 2554 : www.cia.gov)
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 7.8
อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมด้านพลังงานเป็นหลัก โดยรายได้หลักมาจากการส่งออกน้ำมัน ซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกทั้งหมด
ทรัพยากรธรรมชาติ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ โครเมียม เหล็ก ทองแดง ทองคำ เงิน และยูเรเนียม
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ รัสเซีย จีน เยอรมนี ยูเครน
ตลาดส่งออกที่สำคัญ จีน เยอรมัน รัสเซีย อิตาลี ฝรั่งเศส โรมาเนีย ยูเครน ตุรกี
สินค้านำเข้าที่สำคัญ เครื่องจักร โลหะ เครื่องบริโภค
สินค้าส่งออกที่สำคัญ น้ำมัน เหล็ก เคมี เครื่องจักร ธัญพืช ขนแกะ

นโยบายเศรษฐกิจการเมือง

ภายหลังแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต คาซัคสถานได้พยายามปฏิรูปเศรษฐกิจมา โดยตลอด โดยการเรียนรู้จากความล้มเหลวและข้อผิดพลาดของการปฏิรูปเศรษฐกิจในยุโรปตะวันออก และให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถรองรับระบบเศรษฐกิจแบบตลาดของตะวันตก จนกระทั่งได้รับการรับรองสถานะเศรษฐกิจแบบตลาดจากสหรัฐฯ ในปี 2545 และเป็นประเทศแรกที่แยกตัวจากสหภาพโซเวียตที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนจากสถาบันระหว่างประเทศทั้ง Moody และ Standard & Poor’s (S&P)

คาซัคสถานนับว่าประสบความสำเร็จในการปฏิรูปเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกว่าร้อยละ 9 ทุกปี และสามารถชำระหนี้คืน IMF ได้ล่วงหน้าถึง 7 ปี อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจคาซัคสถานยังพึ่งพาอุตสาหกรรมด้านพลังงานเป็นหลัก โดยรายได้หลักมาจากการส่งออกน้ำมัน ซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกทั้งหมด นอกจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ คาซัคสถานยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ อาทิ โครเมียม เหล็ก ทองแดง ทองคำ เงิน และยูเรเนียม แต่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของคาซัคสถานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร เนื่องจากขาดการลงทุน ปัจจุบัน รัฐบาลคาซัคสถานพยายามเชิญชวนให้มีการลงทุนในสาขาอื่น ๆ มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 80 – 90 ของการลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ รัฐบาลคาซัคสถาน ได้วางนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจระยะยาว โดยเน้นความหลากหลายทางเศรษฐกิจ (Economic Diversification) อย่างไรก็ตาม ปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และความไม่โปร่งใสในการลงทุน ยังเป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาลงทุนในคาซัคสถานของนักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนั้น ในแถลงการณ์ล่าสุดของประธานาธิบดี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ได้ย้ำว่า นอกจากจะดำเนินมาตรการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจแล้ว คาซัคสถานจะปรับปรุงและยกระดับระบบสวัสดิการทางสังคม อาทิ เพิ่มเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวที่มีบุตรคนแรก โดยจะเริ่มใน ปี 2551 เพิ่มจำนวนโรงเรียนและโรงพยาบาลอีกอย่างละ 100 แห่ง รวมทั้งให้ความคุ้มครองและหลัก ประกันทางสังคมต่อสตรีและเด็ก ซึ่งมาตรการเหล่านั้นจะช่วยเสริมสร้างรากฐานทางสังคมที่มั่นคง และทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพต่อไป รวมทั้งได้ประกาศว่าจะให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมของประเทศให้มากขึ้น

เมื่อ 29 มกราคม 2553 ประธานาธิบดี Nazarbayev ได้กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาคาซัคสถาน โดยในด้านเศรษฐกิจของคาซัคสถาน ประธานาธิบดี Nazarbayev ชี้แจงว่าแผนยุทธศาสตร์ปี 2020 จะเน้นการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ และการมีนโยบายทางการค้าที่เหมาะสม นอกจากนั้นแล้ว แผนปฏิบัติการด้านเศรษฐกิจปี 2553-2553 จะตามมาด้วยแผนพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โปรดพิจารณาเอกสารภาคผนวก 1

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐคาซัคสถาน

ความสัมพันธ์ทางการทูต

ความสัมพันธ์ทั่วไป
ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2535 ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ไทย – คาซัคสถานนับได้ว่ามีพัฒนาการที่ก้าวหน้าและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการ และวิชาการ เป็นต้น ไทยได้แต่งตั้งนาย Mirgali Kunayev เป็น กสม. ณ นคร อัลมาตี และมีอำนาจตรวจลงตรา ซึ่งนักท่องเที่ยวคาซัคสถานสามารถขอรับการตรวจลงตราเพื่อพำนักในไทยได้เกิน 15 วัน

ความสัมพันธ์ด้านการเมือง
ผู้นำไทยกับคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น คาซัคสถานได้ให้การสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฎิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ซึ่งเป็นกรอบการประชุมเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียที่คาซัคสถานได้ริเริ่มขึ้น โดยไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของ CICA เมื่อเดือนตุลาคม 2547

ฝ่ายคาซัคสถานประสงค์ที่จะสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Regional Forum - ARF) และขอรับการสนับสนุนจากประเทศไทย

ไทยได้สนับสนุนคาซัคสถานในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ซึ่งไทยริเริ่ม โดยในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี ACD เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2546 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประชุมฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ในการรับคาซัคสถานเข้าเป็นสมาชิก ACD

ไทยมีกำหนดเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา ภายในปี 2555 ซึ่งน่าจะผลให้มีการขยายตัวด้านการค้า-การลงทุนมากและเป็นรูปธรรมขึ้น


ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-คาซัคสถาน
การค้า

ความสัมพันธ์ไทย – คาซัคสถานในทางเศรษฐกิจดำเนินไปอย่างใกล้ชิด คาซัคสถานเป็น คู่ค้าอันดับที่ 3 ของไทยในกลุ่มเครือรัฐเอกราช (CIS) และมีศักยภาพมาก เนื่องจากมีจำนวนประชากร 15.4 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 4 รองจากรัสเซีย ยูเครนและอุซเบกิสถาน อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าระหว่างไทยและคาซัคสถานยังมีไม่มากนัก เนื่องจากสินค้ามีการกระจายตัว และเพิ่งจะเริ่มมีการค้าระหว่างกันอย่างจริงจังเมื่อปี 2538

การค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถานในปี 2551 มีมูลค่า 71.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยนำเข้าจากคาซัคสถาน 36.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งออกไปยังคาซัคสถาน 34.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยฝ่ายไทยเสียดุลการค้า 1.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และในปี 2552 (ม.ค. – พ.ย. ) มีมูลค่าการค้ารวม 46.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยนำเข้าจากคาซัคสถาน 11.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งออกไปคาซัคสถาน 34.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยฝ่ายไทยได้ดุลการค้า 23.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ อุปกรณ์และส่วนประกอบของเครื่องจักร ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ ใบยาสูบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋อง  ส่วนสินค้าสำคัญที่นำเข้าจากคาซัคสถาน ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ

อนึ่ง การค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถานในปี 2554 มีมูลค่า 66.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีสถิติเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยไทยนำเข้าจากคาซัคสถาน 25.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งออกไปยังคาซัคสถาน 41.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยฝ่ายไทยได้ดุลการค้า 8.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุน
ปัจจุบันยังไม่มีการลงทุนของคาซัคสถานในประเทศไทย อนึ่ง สาขาของอุตสาหกรรมที่คาซัคสถานน่าจะมาลงทุนในไทยได้ คือ การประกอบเครื่องจักรเกษตรกรรม อุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมเหล็ก ในขณะที่ไทยมีศักยภาพที่จะลงทุนในภาคการท่องเที่ยวและบริการ อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น

สาขาของอุตสาหกรรมที่ไทยอาจพิจารณาไปลงทุนในคาซัคสถานได้ คือ การผลิต เครื่องนุ่งห่ม อาหารแปรรูปกระป๋อง เครื่องหนังซึ่งคาซัคสถานมีการส่งออกหนังดิบจำนวนมาก รวมทั้งการผลิตเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องประดับและอัญมณี ตลอดจนการส่งเสริมให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไปร่วมลงทุนด้านก่อสร้างกับบริษัทต่างชาติในประเทศคาซัคสถานในลักษณะรับช่วงงานในโครงการก่อสร้างต่างๆ และส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานด้านทักษะฝีมือในคาซัคสถาน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแรงงานไทยในคาซัคสถานจำนวน 400 คน เข้าไปทำงานอยู่ที่เมือง Atyrau เป็นช่างเชื่อมโลหะที่ฐานขุดเจาะน้ำมัน

แหล่งน้ำมันในคาซัคสถานเป็นแหล่งน้ำมันในสหภาพโซเวียตเดิมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากภาคพื้น ไซบีเรีย (อูเรนบูร์ก) ของรัสเซีย และมีปริมาณการขุดเจาะในเชิงพาณิชย์ เป็นอันดับ 3 รองจากแหล่งน้ำมันที่เมืองอูเรนบูร์ก และบากู (ในอาเซอร์ไบจาน)

อนึ่ง รัฐบาลคาซัคสถานมีการดำเนินการส่งเสริมการลงทุนหลายประการ อาทิ การออกกฎหมาย ส่งเสริม การลงทุนและการดำเนินธุรกิจเสรี การลดความซ้ำซ้อนของระบบการจัดเก็บภาษีที่เรียกเก็บเดิม จาก 45 ประเภทเหลือเพียง 11 ประเภท และกำหนดภาษีธุรกิจในอัตราเดียวร้อยละ 30 และภาษีส่วนบุคคลไม่เกินร้อยละ 40 รวมทั้งออกกฎหมายที่ให้หลักประกันว่าจะไม่มีการริบทรัพย์สินและไม่ให้การเมือง เข้าแทรกแซงการลงทุนจากต่างชาติ

การท่องเที่ยว
คาซัคสถานมีสิ่งดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยวคือ ความงดงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และอารยธรรมของชาวมุสลิม คาซัคสถานจึงอาจเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของชาวไทยในอนาคต ในขณะเดียวกัน เมื่อคำนึงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติของคาซัคสถาน ประกอบกับความตั้งใจของผู้นำประเทศที่จะสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นแล้ว คาซัคสถานมีศักยภาพที่จะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเอเชียกลางได้ และชาวคาซัคซึ่งมีกำลังซื้อสูงขึ้นอาจเดินทางออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเดินทางมายังประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเที่ยวบินสายการบิน Air Astana ระหว่างกรุงเทพฯ – กรุงอัลมาตี สัปดาห์ละ 4 เที่ยว (พุธ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์) ใช้เวลาเดินทาง 6.45 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวจากกลุ่มเครือรัฐเอกราชเป็นกลุ่มตลาดใหม่ที่มีการขยายตัวดีมาก และนักท่องเที่ยวคาซัคมาไทยมากขึ้นเรื่อยๆ

ความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรม
ชาวคาซัคนิยมกีฬามวยไทยมาก โดยมีการจัดตั้งสมาคมมวยไทยแห่งคาซัคสถานโดยมีนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานเป็นประธานสมาคม

คาซัคสถานได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Congress of Leaders of World and Traditional Religions ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 12 – 19 กันยายน 2549 โดยไทยได้ส่ง ศาสตราจารย์ ดร. พระธรรมโกศาจารย์ ผู้นำศาสนาพุทธระดับสูงของไทยเข้าร่วมการประชุม ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อปี 2546 คาซัคสถานได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จเข้าร่วมประชุมด้วย แต่พระพลานามัยไม่อำนวยให้ตอบรับคำกราบบังคมทูลเชิญข้างต้น

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้สถาปนาความเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับกรุงอัสตานา โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น (นายสมัคร สุนทรเวช) ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการสถาปนาดังกล่าว ในโอกาสที่ไปเยือนคาซัคสถานเมื่อเดือนมิถุนายน 2547 นอกจากนี้ คาซัคสถานยังแสดงความประสงค์ที่จะสถาปนาความเป็นบ้านพี่เมืองน้องระหว่างเมืองพัทยาและเมืองชิมเคนต์ (Shymkent) ด้วย

ความตกลงที่สำคัญๆ กับไทย

ความตกลงที่ลงนามแล้ว
1. ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย- คาซัคสถาน (Agreement on Establishment of Joint Commission for Bilateral Cooperation between the Kingdom of Thailand and the Republic of Kazakhstan) ลงนามเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2536)

2. ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศไทย-คาซัคสถาน (Agreement on Air Services and Transport) ลงนามเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2539

3. ความตกลงความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าและอุตสาหกรรมคาซัคสถาน (Agreement on Cooperation between Board of Trade of Thailand and Union of Chambers of Commerce & Industry of the Republic of Kazakhstan) ลงนามเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2546

4. พิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทย-คาซัคสถาน (Protocol on Cooperation between the Ministry Of Foreign Affairs of The Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of The Republic of Kazakhstan) ลงนามวันที่ 20 ตุลาคม 2547       

การเยือนที่สำคัญ

ฝ่ายไทย
พระราชวงศ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
-สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนคาซัคสถาน ในฐานะอาคันตุกะของรัฐบาลคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 17 – 20 เมษายน 2548
รัฐบาล (ระหว่างปี 2536 – 2549)
- เมื่อวันที่ 19 – 23 ตุลาคม 2547 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนคาซัคสถานอย่างเป็นทางการ และเพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ของ CICA - ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนคาซัคสถานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 – 31 พฤษภาคม 2548
- เมื่อวันที่ 16 – 17 มิถุนายน 2549 พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอด CICA ครั้งที่ 2
- ระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม 2550 นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมการประชุม ESCAP ครั้งที่ 63
-ระหว่างวันที่ 21-25 กรกฎาคม 2551 นายจริยวัฒน์ สันตะบุตร รองปลัด ก. ต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมการประชุม Focus Group ด้านเศรษฐกิจไทย-คาซัคสถาน -ระหว่างวันที่ 28 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2555 นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย ผช.รมว.กต.เดินทางเยือนคาซัคสถานอย่างเป็นทางการ โดยได้หารือทวิภาคีกับนายไกรัต สารีบาย รมช.กต. ด้วย

ฝ่ายคาซัคสถาน
รัฐบาล (ระหว่างปี 2536 – ปัจจุบัน)
- นาย Nursultan Nazarbayev ประธานาธิบดี เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 – 23 กรกฎาคม 2536
- นาย Kassym - Jomart Tokayev รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมการประชุม ESCAP ครั้งที่ 53 เมื่อวันที่ 23 – 30 เมษายน 2540
- นาย Kassym - Jomart Tokayev รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมการประชุม ESCAP ครั้งที่ 61 และเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 – 20 พฤษภาคม 2548
- นาย Nurlan Yermekbayev รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมการประชุม เจ้าหน้าที่อาวุโสของ Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia (CICA) เมื่อวันที่ 13-14 มีนาคม 2550
- นาง Gulashara Aboly Khalykhova รมว.แรงงานและการคุ้มครองทางสังคม เดินทางเข้าร่วมการประชุม คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-คาซัคสถาน (JC) ครั้งที่ 2 ในฐานะประธานร่วมฝ่าย   คาซัคสถาน

สถานเอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย
อุปทูต- Mr. Alimzhan Tokhtassunov (พ.ค.2554-ปัจจุบัน)
ที่ตั้ง Suite 4301, 43rd Floor, Jewelry Trade Center Building
919/501 Silom Road, Bangrak, Bangkok 10500
Tel: 0-22346365-6 Fax: 0-22346368

************

กรกฎาคม 2555

กลุ่มงานเอเชียกลาง กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา 02-643-5518