กระทรวงการต่างประเทศยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีปัญหาการส่งออกสุกรมีชีวิตไปกัมพูชา พร้อมสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีปัญหาการส่งออกสุกรมีชีวิตไปกัมพูชา พร้อมสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน

วันที่นำเข้าข้อมูล 24 ธ.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 4,640 view

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีปัญหาการส่งออกสุกรมีชีวิตไปกัมพูชา และพร้อมสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

๑. กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาการส่งออกสุกรไปประเทศกัมพูชามาโดยตลอด พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกรมปศุสัตว์ในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา

๒. เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวกับเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้เฉพาะบริษัทไทย ๕ ราย สามารถส่งออก/นำผ่านสุกรไปกัมพูชา เพื่อประโยชน์ในการชี้แจงผู้ส่งออกสุกรรายอื่น ซึ่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยรับที่จะติดตามเรื่องดังกล่าวกับเมืองหลวงอย่างใกล้ชิดต่อไป

๓. ล่าสุด กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงกัมพูชา ได้มีหนังสือลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงกรมปศุสัตว์แจ้งอนุญาตบริษัทไทยเพิ่มอีก ๕ ราย ให้สามารถส่งออกหรือนำผ่านสุกรไปกัมพูชา ผ่านจุดผ่านแดนที่ได้รับอนุญาตทุกจุดได้ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ กัมพูชา จะสังเกตการณ์การส่งออกและนำเข้าสุกรของบริษัทไทยที่ได้รับอนุญาตดังกล่าว หากสามารถปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงเกษตรฯ กัมพูชาได้ด้วยดี ก็จะพิจารณาอนุญาตบริษัทไทยรายอื่น ๆ เพิ่มต่อไป

๔. ในขั้นต่อไป สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ กำลังพิจารณาโอกาสขอเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ กัมพูชา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในชุมชน (local infection) เป็นครั้งแรกในกัมพูชา ทำให้หน่วยงานกัมพูชาเพิ่มความเคร่งครัดในมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งรวมถึงการจำกัดการพบปะกับบุคคลภายนอก และกระทรวงการต่างประเทศพร้อมจะประสานงานให้กรมปศุสัตว์พร้อมทั้งผู้ประกอบการได้พบหารือกับสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยโดยตรง เพื่อเป็นการผลักดันเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง