การอพยพคณะพระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรมตกค้างในประเทศอินเดียกลับสู่ประเทศไทย
ในวันที่ ๒๔ และ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ร่วมกับวัดไทยพุทธคยา และสำนักงานพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล ส่งคณะพระธุดงค์และผู้ปฏิบัติธรรมตกค้างในอินเดีย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอำเภอคยา ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำพิเศษของสายการบิน Thai Air Asia ในวันที่ ๒๔ และ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓
โดยที่ในสภาวการณ์ปัจจุบันที่ประเทศอินเดียยังคงปิดน่านฟ้าและห้ามการพาหนะขนส่งทั่วประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ COVID-19 สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงได้ประสานขออนุมัติทำการบินเช่าเหมาลำจากรัฐบาลอินเดียเป็นกรณีพิเศษ และขออนุญาตนำพาหนะไปรับพระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรมที่ตกค้างในพื้นที่สังเวชนียสถานต่าง ๆ ประกอบด้วยพระภิกษุซึ่งเป็นคณะพระธรรมทูต พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในวัดไทยต่าง ๆ ในประเทศอินเดีย และคณะพระธุดงค์โครงการธรรมยาตราตามรอยพระบาทพระศาสดารุ่นที่ ๗ จำนวน ๒๒๖ รูป แม่ชี ๒๔ ท่าน ฆราวาสชาย ๒๘ คน และฆราวาสหญิง ๖๔ คน รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๔๒ คน โดยผู้อพยพทุกคนจะมาโดยสารเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานอำเภอคยา รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย ในวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๓ จำนวน ๑๗๑ ราย และในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ จำนวน ๑๗๑ ราย
การเคลื่อนย้ายคณะผู้แสวงบุญตกค้างมีขึ้นในช่วงวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน โดยมีพระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมชาวไทยเดินทางมาจากวัดไทยในเมืองที่เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญต่าง ๆ ของประเทศอินเดีย ทั้งจากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อำเภอกุสินารา วัดสิทธารถราชมณเฑียร ๙๑๐ อำเภอพลรัมปุระ วัดไทยนวราชรัตนาราม ๙๖๐ อำเภอมหาราชคัญช์ วัดไทยเชตวันมหาวิหาร ๙๓๙ วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา อำเภอสาวัตถี วัดอโยธยาราชธานี อำเภอสุลต่านปุระ วัดไทยสารนาถ วัดไทยพาราณสีพุทธวิปัสสนา ศูนย์พุทธวิปัสสนาสากล สารนาถ (สุวรรณสรสารทานุสรณ์) อำเภอพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ ซึ่งวัดหลายแห่งมีระยะห่างจากท่าอากาศยานอำเภอคยามากถึงประมาณ ๕๕๐ กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินทางยาวนาน
๑๐-๑๕ ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ คณะพระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมที่ตกค้างอยู่ที่วัดและสำนักปฏิบัติธรรมในพื้นที่ต่าง ๆ ของรัฐพิหาร จำนวนกว่า ๒๐ แห่ง ก็ยังได้เดินทางมารวมพลที่วัดไทยพุทธคยาเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศด้วยเช่นกัน
คณะฯ บางส่วนได้รับการตรวจสุขภาพจากแพทย์ท้องถิ่นในรัฐอุตตรประเทศและรัฐพิหาร และได้รับใบรับแพทย์ fit to fly เพื่อใช้เดินทางกลับประเทศไทย ล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทางไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง และจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพอีกครั้งจากทีมแพทย์ของสำนักงานสาธารณสุขของรัฐพิหาร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอำเภอคยา เพื่อให้การเดินทางออกนอกประเทศของชาวไทยสอดคล้องกับมาตรการด้านสาธารณสุขของอินเดีย ในโอกาสนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ออกหนังสือรับรองการเดินทางแก่ผู้อพยพชาวไทยทุกคนด้วย
ในช่วงกลางคืนของวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๓ คณะฯ เดินทางถึงจุดรวมพล ณ วัดไทยพุทธคยา อำเภอคยา รัฐพิหาร และเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานอำเภอคยาในช่วงเช้าของวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๓ และ คณะฯ ได้ออกเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำพิเศษของสายการบิน Thai Air Asia เที่ยวบินที่ FD ๙๑๒๓ จากท่าอากาศยานอำเภอคยาในเวลา ๑๓.๐๐ น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศอินเดีย และเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองโดยสวัสดิภาพในวันเดียวกัน เวลา ๑๕.๑๐ น. และในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ เที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำที่ FD ๙๑๒๓ ได้นำคณะพระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรม คณะที่ ๒ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานอำเภอคยาในเวลา ๑๑.๓๐ น. และเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองโดยสวัสดิภาพในวันเดียวกัน ในเวลา ๑๕.๓๕ น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย และทั้งสองคณะฯ ข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่จัดให้โดยรัฐบาลไทยเป็นเวลา ๑๔ วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
ความสำเร็จในการดำเนินการอพยพคณะพระภิกษุและผู้แสวงบุญจำนวน ๓๔๒ รายในครั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอกราบขอบพระคุณเอกอัครราชทูตชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล พระเมธีวรญาณ (สายเพชร วชิรเมธี ป.ธ.๙ , ดร.) เจ้าอาวาสวัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี พระครูปริยัติโพธิวิเทศ (พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตตฺธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหารพระครูนรนาถเจติยาภิรักษ์ (สมพงศ์) ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และพระมหานิพนธ์ ญาณวีโร เลขานุการเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ตลอดจนกระทรวงการต่างประเทศและภาคส่วนต่าง ๆ ของรัฐบาลไทยที่เกี่ยวข้อง ที่ได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุน ผลักดัน และดำเนินการด้านต่าง ๆ ยังผลให้ปฏิบัติการอพยพพระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรมที่ตกค้างในประเทศอินเดียดังกล่าวข้างต้นสำเร็จลุล่วงด้วยดีทุกประการ