เมื่อวันที่ ๑๑ - ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนลักเซมเบิร์กอย่างเป็นทางการและเยือนสหราชอาณาจักร
ระหว่างการเยือนลักเซมเบิร์ก เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทวิภาคีกับนายฌอง อัสเซลบอร์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปแห่งราชรัฐลักเซมเบิร์ก ในการนี้ ฝ่ายลักเซมเบิร์กแสดงความเสียใจต่อเหตุกราดยิงประชาชนที่จังหวัดนครราชสีมา ทั้งสองฝ่ายชื่นชมความสัมพันธ์ในระดับราชวงศ์ที่มีความใกล้ชิดและเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศทั้งสอง โดยปัจจุบันไทยและลักเซมเบิร์กมีพลวัตของความร่วมมือที่ก้าวหน้าทั้งในด้านการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ การเงิน และความร่วมมือไตรภาคี โดยทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นประตูสู่ภูมิภาคของกันและกัน พร้อมนี้ ฝ่ายไทยยังได้เชิญชวนให้ลักเซมเบิร์กเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และแสดงความชื่นชมนโยบายการทูตเชิงการเงิน (Financial Diplomacy) ของลักเซมเบิร์ก ซึ่งฝ่ายไทยประสงค์จะเรียนรู้จากฝ่ายลักเซมเบิร์กในประเด็นที่ลักเซมเบิร์กมีความเชี่ยวชาญ เช่น การพัฒนาสภาพแวดล้อมทางการเงิน และการเงินเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายยังได้ย้ำถึงการสร้างความตระหนักรู้ในศักยภาพและโอกาสของทั้งสองประเทศให้เป็นที่ประจักษ์ ผ่านการแลกเปลี่ยนคณะนักธุรกิจระหว่างกัน โดยฝ่ายลักเซมเบิร์กมีแผนจะจัดงาน ASEAN Day เพื่อเผยแพร่ศักยภาพและโอกาสการลงทุนระหว่างลักเซมเบิร์กกับประเทศสมาชิกอาเซียน และมีแผนที่จะนำคณะนักธุรกิจลักเซมเบิร์กเยือนไทยในช่วงปลายปีนี้ด้วย สำหรับประเด็นภูมิภาคและพหุภาคี รัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 การออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร และความร่วมมือในกรอบ Belt and Road Initiative ฝ่ายลักเซมเบิร์กแสดงความยินดีต่อความสำเร็จในการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปีที่ผ่านมา และพร้อมสนับสนุนไทยในกรอบสหภาพยุโรป รัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามค่านิยมร่วมกันบนพื้นฐานของกฎระเบียบและระบบพหุภาคีนิยมจะเป็นรากฐานที่เข้มแข็งสำหรับความร่วมมือของทั้งสองประเทศในการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจน ยืนยันเจตนารมณ์ของทั้งสองฝ่ายที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ ระหว่างไทย-ลักเซมเบิร์ก ที่ดำเนินมากว่า ๖๐ ปี
ในการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือทวิภาคีกับนายโดมินิก ราอับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ การเยือนครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร โดยนอกจากจะเป็นปีแห่งการครบรอบ ๑๖๕ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว ยังเป็นการเยือนของฝ่ายไทยภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรเริ่มต้นการออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ (Brexit) เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่ผ่านมาด้วย ในการนี้ รัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ได้ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะกระชับความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนภายใต้นโยบาย Global Britain ของสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงการจัดทำความตกลงการค้าเสรีทวิภาคี เพื่อรักษาพลวัตความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันต่อไปภายหลัง Brexit นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ยืนยันความพร้อมจะสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรเข้ามามีบทบาทที่สร้างสรรค์ในอาเซียนและในภูมิภาค โดยเห็นว่าการพบหารือกันในครั้งนี้ ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในการที่จะกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในสาขาที่มีศักยภาพและสอดคล้องกับความต้องการและจุดแข็งของทั้งสองประเทศ เช่น การค้า การลงทุน การศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน-ประชาชน นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อสหราชอาณาจักรในการเป็นเจ้าภาพและประธานการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว ในเดือน พ.ย. ๒๕๖๓ รวมทั้ง ยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะดำเนินการตามพันธกรณี Paris Agreement อย่างแข็งขันด้วย
ในการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้พบหารือกับนายคิตัก ลิม เลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization – IMO) ซึ่งได้ชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยด้านความร่วมมือทางทะเลในภูมิภาคซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ IMO ขณะที่ ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลภายใต้กรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และเป็นสะพานเชื่อมให้เกิดความร่วมมือระหว่าง IMO กับองค์กรในภูมิภาค เช่น UNESCAP และอาเซียน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้พบหารือกับเซอร์ เกรเฮม เบรดี้ ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-สหราชอาณาจักร ในวันเดียวกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความชื่นชมบทบาทของกลุ่มมิตรภาพสมาชิกไทย-สหราชอาณาจักรในการทำหน้าที่เชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศทั้งสอง ซึ่งนับเป็นส่วนที่สำคัญยิ่งในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศในระยะยาวต่อไป
การเยือนยุโรปของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งกับลักเซมเบิร์กซึ่งเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันได้แยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการแล้ว ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำถึงความมุ่งหวังของไทยที่จะเห็นสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเวทีระหว่างประเทศและเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งกับไทยและอาเซียน ในการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงและความยั่งยืนในภูมิภาคและในโลกต่อไป