วันที่นำเข้าข้อมูล 24 ม.ค. 2563
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
ตามที่เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี ๒๕๖๒ ปริมาณน้ำทั้งลุ่มน้ำโขงลดลงจากภาวะโลกร้อน ฝนทิ้งช่วงและปริมาณสำรองน้ำหายไปจากระบบอย่างมาก ซึ่งได้สร้างความห่วงกังวลถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะวิถีชีวิตของชุมชนท้ายน้ำ รวมทั้งไทย ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้พยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขและบรรเทาผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปจีนเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในฐานะที่จีนเป็นประเทศต้นน้ำ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาภัยแล้งซึ่งเป็นผลจากภาวะโลกร้อน แม้แต่จีนที่เป็นประเทศต้นน้ำก็ประสบปัญหาอย่างหนักเช่นเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศได้ขอความร่วมมือรัฐบาลจีนในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบของประชาชนที่เดือดร้อนในประเทศท้ายน้ำ ซึ่งนายหวัง อี้ ขอบคุณที่รัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางอย่างเร่งด่วนเพื่อมาหารือเรื่องนี้เป็นการเฉพาะด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง ฝ่ายจีนรับที่จะพยายามให้ความร่วมมือเพื่อบรรเทาผลกระทบของปัญหาอย่างดีที่สุด
ต่อมา ในช่วงเย็นของวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อแจ้งว่าจากการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนในเรื่องนี้ทันที ตามผลการหารือของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองนั้น จีนจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหงอีก ๑๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณร้อยละ ๑๕-๒๐ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพื่อช่วยประเทศปลายน้ำในการต่อสู้กับภัยแล้ง และจะประสานงานกับหน่วยงานบริหารจัดการน้ำของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
รูปภาพประกอบ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
งานรับ-ส่งหนังสือ และงานสารบรรณ:
อีเมล [email protected]
เว็บไซต์นี้ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ได้และมีมาตรฐาน WCAG 2.0 ระดับ AA
** เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดควรใช้ Chrome เวอร์ชั่น 76 ขึ้นไป **